MudleyGroup : Dark Side Begin : EP5

Dark Side Begin
สรุปความรู้ที่ได้จาก
Link : https://www.youtube.com/watch?v=jTeQ4Zv5oBE&t=416s

-----------------------------------------------------------------------------------
สรุปในปีที่ผ่านมา
- ตลาดไม่ดี >> คนมีเงินสดได้เปรียบ
- เงินกลับไปซื้ออะไรบางอย่าง
- เวลาเราได้เงินเรามักจะคิดว่าเรารับมือได้
- ตอนนี้ฝรั่งขายทำกำไร
- คนที่มีเงินสดเยอะ จึงอยากลงทุนใน Assetที่ มั่นคง
- ตลาดมีช่วงที่นิ่ง และขับเคลื่อน
- เวลาที่ตลาดนิ่ง เราควรจะพัฒนาตัวเอง

-----------------------------------------------------------------------------------
- เราต้องเข้าใจด้าน Dark Side ของเรา
- เรามีข้อเสียของเรา เราต้องรู้ รู้จุดอ่อนของเรา และเราจะรับมืออย่างไร ?

- สิ่งที่เราต้องเข้าใจ เรื่องที่ 1 คือ Energy >> มันจะเป็นตัวที่ทำให้เรารู้ว่าเราอยู่ Zone ไหน
- Energy เป็นสิ่งที่สำคัญ
- คนเรามี Energy จำกัด >> เวลา Energy เราหมด เราจะเข้าสู่ comfort zone (การจำศีล)
>> เป็นธรรมชาติ
- ดังนั้นการ จัดการ Energy จึงเป็นเรื่องสำคัญ >> เพราะสามารถทำให้เราเข้าสู่ด้าน Dark Side ได้
- Energy อ่อนแอ จะทำให้เรายากที่จะต่อต้าน
- การกระทำทุกอย่าง เสีย Energy
Ex การเล่น Facebook เราจะ เลื่อนลงมาดูเรื่อยๆ (facebook มี Al ที่จบการกระทำของเรา)
- ทุกการกระทำมี action ถ้ามันดึงเวลาเรานาน จะทำให้เสีย Energy เยอะ
Ex บางคนตั้งใจอยู่อย่างสงบ >> ก็จะมี อะไรต่างๆ ทำให้เขาวุ่นวาย
- สิ่งเหล่านี้ จะเป็นตัวขัดขวางไห้เราถึงเป้าหมาย

- พี่ต้านแนะนำหนังสือ Start With Why >> สิ่งที่เกิดจากหนังสือ มนุษย์ ตั้งคำถามมากเกินไป
>> ทุกคำถามใช้ Energy >> เสีย Energy โดยเปล่าประโยชน์
- ตั้งคำถามให้เหมาะสม >> เพื่อให้คำตอบ มีประสิทธิภาพ
- ระวังเรื่องการเสีย Energy โดยเปล่าประโยชน์
- ช่วงชีวิตของมนุษย์มีจำกัด >> บางคำถามเราไม่อยากหาคำตอบตอนอายุเยอะแล้ว
- "เมื่อไหร่ที่เราหาคำตอบไม่ได้ เราก็จะ Loss เราจะหลงทาง"
- เมื่อเราตอบคำถามไม่ได้ เราก็จะเลือกสิ่งที่ง่าย >> ทำให้เราพ่ายแพ้กับด้านมืด
- "หัดตั้งคำถามให้เหมาะ >> ตอบคำถามอย่างมีคุณภาพ"
- ประวัติศาสตร์ของคนเก่ง >> ตั้งคำถามไม่เยอะ แต่มีคุณภาพ
Ex เราสามารถรวมแรงทุกอย่างเป็น แรงเดียวได้ไหม
- เวลาเรา Energy หมด เราจะเข้าสู่ด้านมืด
Ex อกหัก >> ประชด >> สิ้นหวัง

- เราต้องตัดสินใจว่าเราอยากเป็นอะไร ? >> และตั้งคำถาม
Ex อยากเป็น Trader มืออาชีพ >> เจอ Dark อย่างแรก คือ อยากได้เงินเยอะ
- ถ้าเราเอาตัวเงินมาจับ >> ความเป็นจริง ไม่ว่างานไหนๆ ก็ตามถ้าเราเป็นมืออาชีพ เราก็หาเงินได้เยอะ
- เงินสำหรับ Trader คือ แต้มคะแนน
- Trader ถ้าเรามองเงิน เป็นตัวหลักจะทำให้เราตัดสินใจผิดพลาดได้ง่ายๆ
- ถ้าเราเข้าใจ Dark Side จริงๆ เราจะรู้ว่าเราจะต้องทำอะไร
- Trader มืออาชีพ >> มองว่าเราจะอยู่ยังไงกับตลาดได้ตลอด >> ฝึกทักษะ
- คำว่า มืออาชีพ >> คือเราไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น
- เราต้องเลือก ถ้าเราก้ำๆกึ่ง >> เราจะโดนเบียดไปทาง Dark Side
- ถ้าเราเข้าไปเป็นมืออาชีพ เราจะพบอะไรบางอย่าง จะรู้ว่ามันไม่ง่าย

- เวลาเป็นทรัพย์ยากรที่มีจำกัด
- การตัดสินใจผิดพลาด สิ่งที่ต้องแลก คือเวลา
- เราเลือกเส้นทางไหนเราต้องชัดเจน >> และรับผิดชอบในสิ่งที่เลือก
"คุณภาพของชีวิต = คุณภาพของการตัดสินใจ"

- Dark Side มีไว้เพื่อ ป้องกันตัวเรา >> มันไม่ชอบความผิดหวัง
- เมื่อไหร่ที่ เรามีความผิดหวังมาก >> ความ Dark Side จะมีพลังทวีคูณ
- มันคือ สาเหตุที่ทำให้เราไม่กล้าตัดสินใจ
- Dark Side เป็นตัวที่ทำให้เราหลุดเส้นทาง >> เราหลุดได้แต่เราต้องดึงตัวเองกลับมา

ตัวอย่างเรื่องพี่ต้าน
- ตอนเด็กพี่ต้านเข้า โรงบาลบ่อย (พี่ต้านเป็นหอบหืด)
- พ่อ แม่ ขายแหวนหมั่น ขายของออก
- ถึงจุดๆ หนึ่งบอกที่ว่าไม่ไหวแล้ว >> ตายดีกว่า
- ความรู้สึกตรงนั้น ทำให้เข้าใจว่า เข้าสู่ Dark Side ได้ง่าย
- อาการหาย หลังจากว่ายน้ำ
- ไปเจออีกทีตอนมหาลัย ไปเจอสารเคมี >> อาการหนักอีกรอบ
- ทำให้เกิดความรู้สึกว่า ให้ทำอะไรบางอย่าง ทำไปเถอะ ถ้ามัน OK เพราะเราจะตายอยู่แล้ว
- จังหวะนั้น คือ เราต้องทำทุกอย่าง แลก เพื่อให้เราไม่เป็นอย่างนั้น (ทรมาน)
- "เกิดเป็นแรง กระตุ้น"
- ทำให้เป็น คนที่ทำอะไรจริงจัง ตั้งแต่มหาลัย (อาจโดนหลายๆคนมองว่าบ้า)
- สมัยนั้นจะเล่น Net ที หนึ่งนี้ลำบากมาก (MP3 3Mb ใช้เวลา โหลด 1 วัน)

- ต้องถามตัวเองว่า เป้าหมาย มันคือ เป้าหมายที่เราอยากเป็นจริงๆหรือเปล่า
- บางคน เขาเชื่อมั่นมาก เพราะกว่าจะจับเป้าหมายได้ ต้องใช้เวลา "ทำไมเขาถึงเชื่อมั่น"
- บางคนล้มแล้ว ทำไม ? >> คนเหล่านี้มีอะไรบางอย่าง >> นั้นคือ สิ่งที่ืำให้คนเราแตกต่างกัน
- เราต้องคุยกับตัวเองอย่างจริงจัง >> ไม่อย่างนั้นเราจะเจอ Dark Side
- ตรรกะบางอย่าง จะเป็นตัวขัดขวางเรา >> เช่น ทำไปเพื่ออะไร ทำแล้วได้อะไร
- เราต้องคุยกับตัวเองว่าทำไมเราชอบถึง ทำจริงจังไม่ได้
- คนที่ชอบกับมันจริงๆ เขาสามารถทำอะไรจริงๆ จังๆ ได้
- ไม่อย่างนั้นเวลาเราทำ เราจะยอมแพ้
- ถ้าเราบอกว่าเราชอบ แต่ทำไมร่างกายไม่ไป
- เราต้องตอบตัวเองให้ได้
- ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่เราต้อง ชนะตัวเอง

- ทุกทฤษฎี มีจุดแข็งจุดอ่อน
- เราต้องเข้าใจจุดอ่อนของ ทฤษฎี นั้นๆ ถ้าเราเข้าใจเราก็สามารถใช้มันได้
Ex คนส่วนใหญ่ขาดทุน >> เราต้องหาว่าช่วงไหน คนส่วนไหนไม่ขาดทุน
- ทฤษฎีผลประโยชน์ >> เมื่อถึงเวลาหนึ่ง จะมี Peak เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเราอยู่ฝั่งไหน
- ถ้าเรารู้กระแส เราสามารถที่เราจะเอาตัวรอดได้
- พยายามอย่าเอาตัวเราเป็น Base
- เราสามารถดูกระแสได้จากเรื่องทั่วไป Facebook
Ex ทุกคนเริ่มถอดใจ ฝรั่งเริ่มซื้อ
- เกมส์ตลาดเงิน >> ทุกคนยอมแพ้ เราเหยียบ >> ฝรั่งต้องสั่งสอนรายใหม่บ้าง
- เกมส์การเงินเล่นกันที่ใจ >> ไม่ยอมแพ้ เหยียบ ให้จม
Ex พวกกองทุนทำงานหนัก มาก >> หาวิจัยอะไรต่างๆ

- คำว่า Simple สำหรับมืออาชีพ ไม่ได้แปลว่าง่าย
>> มันเป็นการกระทำของคนที่เข้าใจ ว่าทำยังไง วางตัวอย่างไร เอาตัวรอดแบบไหน
>> มีประสบการณ์
- อย่าฝากความหวังไว้กับคนอื่น
- คนที่มีประสบการณ์ในสิ่งนั้นๆ จะได้เปรียบ แต่ไม่ได้หมายความว่าเก่งกว่า

- เราต้องมองอาชีพ Trader เป็นอาชีพที่ เป็นนักกัฬา
- มีกาฝึกฝน >> ไม่ไช่ โดดเข้ามาแล้ว อบรบ แล้วเก่งเลย >> เพราะ ถ้าอย่างนั้นพี่ต้านไม่ต้องฝึก
- เมื่อก่อนพี่ต้านเป็น TA  (รับ Job บรรยาย) คิดว่าตัวเองเก่งมาก (ตามวัย)
>> เมื่อเจอของจริง มันกว้างใหญ่มาก

เราต้องคุยกับตัวเองจริงจัง
- เริ่มจากเรื่องเล็กก่อน ไม่จำเป็นต้องกินยา
- เริ่มจากอะไรก็ตามที่ไม่ดีสำหรับเรา ไม่ได้หมายความว่าหักดิบ
- ถ้าเราปรับปรุงมันจะดีขึ้น (เราไม่เคยออกกำลังกาย ออกกำลังกาย)
- อะไรที่เราไม่เคยทำ หรือทำโดยเปล่าประโยชน์ ต้องรู้ตัว
- ทุกคนมีกิจกรรม ที่ไม่ดีอยู่แล้ว ที่มันดึงตัวเรา
- ลองดู จริงจัง และลองทำดู
- ถ้าเรื่องแค่นี้เอาชนะไม่ได้ เราต้องคิดว่าเราจะเอาชนะเกมส์ที่ใหญ่กว่านี้อย่างไร ?
- เพราะเราต้องใช้พลังใจเยอะ
- เราต้องฝึกชนะ Dark Side ให้ได้ก่อน อย่าให้มันก่อตัวขึ้นมา
- เราต้องมีบางอย่าง
- ทำต้องเป้าหมายหลัก แล้วเก็บเป้าหมายย่อยต่อ
- เก็บประสบการณ์ ไปเรื่อยๆ ก่อน เอาง่ายๆก่อน อย่าเล่นท่ายาก
- ลองพยายามทำอะไรง่ายๆ ก่อน เช่นขี้เกียจ พยายามทำให้ได้มากขึ้นก่อน
- เจไดเหลือน้อยลงทุกวัน เพราะพลังด้านมืดมันแข็งแกร่งมาก
- คุยกับตัวเอง และสร้างเป็นด่านๆออกมา

- สำหรับคนที่เล่นเกมส์
- ลองเล่นเกมส์ที่ต้องใช้ความพยายามมากๆ Dark Souls

- ถ้าเราอยู่ Dark Side แล้วเราจะอยู่กับมันอย่างไร ?
- เรากล้าหรือเปล่าที่จะหากินกับคนอื่น (Dark Force)
- ถ้าเราสามารถที่จะอยู่กับมันได้
- เรารู้ว่าจุดอ่อนของทุกคนคือความโลภ
- เราจะเอาความโลภของคนอื่นมาหากิน
- มันง่ายที่จะชนะ กับด้านมืดของมนุษย์
- แต่เราต้องอยู่กับมันให้ได้
- เราต้องแบกรับภาระ จุดๆนี้ได้
- สุดท้าย จิตใจของเราจะค่อยๆหายไป
- เราจะไม่รู้สึกอะไร
- เราจะไม่รู้สึกผิดถ้าเราใช้ในตลาด
- แต่ถ้าเราใช้ข้างนอก เราต้องฝืนให้ได้
- พลังของ Dark Side สามารถใช้ในตลาดได้
- ทุกคนเลือกได้ว่าจะเดินเส้นไหน

- เราโดนแรก กระตุ้นตลอดเวลา
Ex น้ำมัน ออกข่าว ใช้เรื่องของอารมณ์ ความโลภ เหตุผลมากมาย

-----------------------------------------------------------------------------------
Q : มืออาชีพ มี Dark Side ไหม ?
A : Dark Side มืออาชีพก็มีเสมอ เลยต้องฝึกเพื่อให้เราไม่เข้าไป
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอทางจิตใจมาก เราไม่ได้เก่งเรื่อง แรงกระตุ้นต่างๆ
- คนเราต้องฝึก บางทีคนเราก็หลุดวินัย

Q : หลักสูตรพ่อมด คอร์ส 500,000 บาท มีความคิดเห็นว่าอย่างไร
A : หลักสูตรอะไรต่างๆ เราต้องรู้ว่าเราเข้าไปแล้วเราได้อะไรบ้าง
- เราอยากได้เงิน เขาก็เอา Dark Side มาล่อ (ตัวอย่าง หมาคาบเนื้อ)

Q : Dark Side ของ Active Trader คือ ?
A : คือการที่เราหยุดไมไ่ด้
Ex เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเทรดได้ เราอยากหยุดไหม
- เราไม่รู้ตัวหลอก ว่าเราจะล้าเมื่อไหร่ เราอยากหยุดเมื่อไหร่
- สมมุติเราเทรดได้ตลอดเวลา เราจะหยุดเมื่อไหร่ ?
- สุดท้าย เรามักจะหยุดเมื่อ ระบบเป็นตัวสั่งให้หยุด
- คนเรามี Energy จำกัด >> เราต้อง Focus ที่เรา Ok ที่สุด (เราจะสามารถสร้าง Status ให้ตัวเองได้)
- ทุกอย่างเราต้องมีแผนก่อน

-----------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเติม
- 0002 : MudleyGroup - ระบบทุนนิยม :
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/10/0000-etc.html
- 0004 : MudleyGroup - กลยุทธ์ และจุดอ่อน :
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/11/0004-mudleygroup.html
- 0006 : MudleyGroup - Hedge Fund Manager 001 :
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/11/0006-mudleygroup-hedge-fund-manager-001.html
- 0008 : MudleyGroup - Hedge Fund Manager 002 :
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0008-mudleygroup-hedge-fund-manager-002.html
- 0009 : MudleyGroup - Trader ยุคใหม่ และโอกาส
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0009-mudleygroup-trader.html
- 0010 : MudleyGroup - เฉลย ข้อสอบกลางภาค 2016
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0010-mudleygroup-2016.html


Other : ปลุกพลังใจ : EP1

สรุปความรู้ที่ได้จาก
Link : https://www.youtube.com/watch?v=8irKdGpjjQA&t=28s

------------------------------------------------------------------------------------------
ถ้ารู้สึกท้อแท้ "ปลุกพลังใจ"ให้ตัวเองได้อย่างไร ?
วิธีการที่จะสร้างพลังใจ
เคล็ดลับที่ 1
1. เราต้องหาคนที่ลำบากกว่าเรา และศึกษาชีวิตเขาไห้ดี
- ครึ่งหนึ่งของประชากรโลก >> อยู่ด้วยเงินที่น้อยกว่า 60 บาทต่อวัน
-- บางคนหิวตายก็มี
- ถ้าศึกษาชีวิตมากๆ จะรู้ว่าเราโชคดีมากๆ
- ชีวิตที่อยู่ตอนนี้ >> คือชีวิตของหลายๆคนฝัน
- จริงชีวิตเราโชคดีมาก
Ex - ถ้าเราฐานะปานกลาง >> ชีวิตเราอยู่เหมือน พระราชาในยุคโบราน
-- มีเงิน >> มีเด็กเสริฟ มาเสริฟอาหารให้ >> สมัยก่อนไม่มี
-- มีแอร์ >> สร้างบรรยากาศส่วนตัว (ที่อินเดียมีคนร้อนตาย)
" หากเฝ้ามองแต่สิ่งที่ขาด จะพลาดในสิ่งที่มี สิ่งดีๆมีอยู่รอบตัว มองดูให้ดีๆ และหามันให้เจอ"
- Focus สิ่งที่มี แล้วจะมีความสุข
- มองว่าตัวเองเหลืออะไรอยู่บ้าง ขาดอะไรอยู่บ้าง และสร้างจากสิ่งที่มี
- สมองเปลี่ยนตามสิ่งที่เสพ >> เสพสิ่งไดได้สิ่งนั้น
- เสพกำลังใจ >> มีกำลังใจ , เสพข่าวลบ >> เจอแต่เรื่อง ลบๆ
"ทุกครั้งที่เราหมดกำลังใจ ,ท้อใจ ให้เราดูคนที่ลำบากกว่าเรา"

ตัวอย่างผู้หญิงคนหนึ่ง
พี่แพรว
Link : https://www.youtube.com/watch?v=06N7cncrOTo
- เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
-- ไม่สามารถที่จะขยับร่างกายได้ >> ขยับได้แค่ข้อนิ้ว
-- เขียนนิยายหนาๆ จบไปแล้ว 13 เล่ม
- วิธีทำงานของพี่แพรว นอนไส่เครื่องออกซิเจน >> จิ้มโทรศัพท์ >> เขียนนิยาย
- ใช้ข้อนิ้อข้อเดียว พิมพ์นิยายทั้งเรื่อง
- ทุกครั้งที่พิมพ์ แล้วหายใจไม่สะดวก จะขยับเครื่องช่วยหายใจด้วย
- พิมพ์หนังสือ 13 เล่มจนสามารถซื้อบ้านให้ครอบครัวได้ ด้วยข้อนิ้วข้อเดียว
- พี่แพรว เป็นหัวเรือใหญ่ของครอบครัว
" พี่แพรวบอกว่า เกิดมาแบบนี้เหนื่อยเหมือนกัน ท้อเหมือนกัน แต่เราต้องดูแลครอบครัว "

เคล็ดลับที่ 2
2.คิดถึงคนที่รักเรา แล้วลงมือทำให้เขามีความสุข
- ทุกครั้งที่ ท้อ >> เป็นเวลาที่นึกถึงตัวเองเยอะ
-- ยิ่งมีตัวฉัน ยิ่งบรรลัย "ทำไมชีวิตฉัน ฉัน ฉัน ๆๆๆ"
- ยิ่งให้ออกไป >> ยิ่งมีความสุข
- การให้ออกไป ให้ยังไงให้มีความสุข >> ให้นึกถึงคนที่มีพระคุณกับเรา
- ถ้าเรามีคนที่รักเรา และเรานึกถึงเขา "เราจะท้อไม่นาน เพราะเราท้อไม่ได้"
- "ทำงานเพื่อคนอื่น พลังจะเพิ่มขึ้นเป็น หมื่นเท่า ทำงานแค่ตัวเรา พลังจากหมดอย่างรวดเร็ว"
- เราต้องทำ ทำเพื่อเขา ทำให้เขามีความสุข และทำให้เขาภูมิใจ
- วันหนึ่งเราต้องตาย >> เราอยากจะเขาจดจำเราอะไรมากที่สุด
- เราควรทำให้เขาเห็น ทำให้เขาภูมิใจ
- ทำงานบางอย่างเป็นเวลานาน >> ถ้าเราท้อ >> มักเกิดจาก >> เราคิดถึงตนเอง
- ถ้าเราคิดถึง คนอื่น จะช่วยให้หายเหนื่อย

ตัวอย่าง เรื่องเล่า
3 สถานการณ์ ....
มีคนมาสั่งให้ >> เราแบกลูกแกะตัวเล็กๆ ถ้าเราแบกไม่ไหว 1 ชั่วโมง >> ถ้าทำหล่น >> ถูกลงโทษ
1. จะถูกลงโทษด้วยการจักจี้ 1 นาที
2. จะถูกติดคุก
3. จะฆ่าเรา และตามไปฆ่าคนที่่เรารักด้วย
ทั้ง 3 กรณี เราจะแบกให้นานที่สุด ในกรณีไหน
- เราต้องเลือกดรณีที่ 3
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
- การเดิมพัน คือพลัง ยิ่งเราเดิมพันสูง พลังของเราจะยิ่งเยอะ
- ถ้าเดิมพันต่ำ พลังจะน้อย
- "เดิมพัน = พลัง , ภาระเยอะ = พลังเยอะ"
- ถ้าเรามี ภาระเยอะ เดิมพันเยอะ >> เปลี่ยนเป็นพลัง
- " เหนื่อยตอนนี้ วันนี้ >> สบายในวันหน้า "
- " ทางไปสวรรค์มันรก ทางไปนรกมันเรียบ "

------------------------------------------------------------------------------------------

Stock : การอ่านงบการเงิน : EP15

การอ่านงบการเงิน
- งบการเงิน คือภาษาธุรกิจ
- งบ จะเป็นตัวบอกว่าธุรกิจนั้นเป็นอย่างไร

-----------------------------------------------------------------------------
งบดุล
- งบดุล คือ จำนวนเงินทั้งหมดที่บริษัทซื้อมา เทียบกับ หนี้สิน
Ex ของในการเป๋าเป้ (กระเป๋าตัง มือถือ , ..... บวกกัน)
-- จะบอกได้ว่า บริษัทมีอะไร ซื้อมาเท่าไหร่ เป็นหนี้เท่าไหร่
-- หนี้น้อย บอกได้ว่าเป็นหนี้น้อยจ่ายคืนง่าย เมื่อเทียบกับทรัพย์สินทั้งหมด
-- จะรู้ว่าใครมีหนี้มากหนี้น้อย เทียบกับสิ่งของที่เขามี >> ถ้าน้อยกว่าครึ่งก็น้อย ถ้ามากกว่าครึ่งก็มาก
* หนี้มากเสี่ยง
## สินทรัพย์รวม = เงินในกระเป๋าทั้งหมด (เงินบริษัท)
## หนี้สินรวม = เงินที่เป็นหนี้ทั้งหมด
## ส่วนของผู้ถือหุ้น = เงินที่เหลือหลังจากชำระหนี้
-- สินทรัพย์รวม = หนี้สินรวม + ส่วนของผู้ถือหุ้น
-- หนี้สินรวม >  ส่วนของผู้ถือหุ้น = เสี่ยงมาก
-- ส่วนของผู้ถือหุ้น > หนี้สินรวม = เสี่ยงน้อย

แต่ >> [ถ้าหนี้ < ทุนดูต่อที่งบการเงิน  >>  ถ้าหนี้เป็นเงินกู้ = เสี่ยง]
- บางทีหนี้สินเยอะ แต่อาจไม่เสี่ยงเสมอไป >> เนื่องจากเป็นหนี้ที่เกิดจากการฝากขาย
- หนี้ที่เกิดจากการฝากขาย สามารถนำส่วนนี้ไปคืนต้นทางได้
# หนี้ที่เกิดจากการฝากขาย = เจ้าหนี้การค้า และเจ้าหนี้อื่น
- บริษัทที่เจ้าหนี้ทางการค้ามาก >> มีอำนาจการต่อรองสูง [เจ้าใหญ่]

มูลค่าหุ้นที่เรียกชำระแล้ว ? >> แปลว่าไส่ตังเข้าไปเท่าไหร่
- ถ้าเลขเท่าเดิมเรื่อยๆ แปลว่าดี >> บริษัทเติมโตได้เอง
Ex บริษัท ลงเงินลงทุน 100 ล้าน >> ผ่านไป 10 ปี >> บริษัทโตขึ้น จากเงินลงทุนเท่าเดิม
- บริษัทไหนขอตังเพิ่ม = ไม่ดี
- เอาไว้ตรวจว่างบดุลว่า มีอะไรตุกติกไหม >> ธุรกิจโตจริงโตหลอก ?
Ex บริษัทที่โตหลอก >> เพิ่มมูลค่าหุ้นที่เรียกชำระแล้ว ไป + กับทุน
- ถ้าตัวเลขมูลค่าหุ้นที่เรียกชำระแล้ว ลดลง ดีไหม ? >> ไม่ค่อยดี เพราะมีเงินเหลือไม่รู้เอาไปทำไร >>
เลยแจกคืน >> บริษัทไม่สามารถขยายตัวได้
* มูลค่าหุ้นที่เรียกชำระแล้ว เท่าเดิม = ดีสุด
* มูลค่าหุ้นที่เรียกชำระแล้ว เพิ่มขึ้น แบ่งเป็น แย่นิด ,แย่มาก ,แย่สุดๆ
* มูลค่าหุ้นที่เรียกชำระแล้ว ลดลง พอรับได้ ปนไปทางแย่

-----------------------------------------------------------------------------
งบกำไรขาดทุน
- เป็นงบที่แต่งง่ายที่สุด ,หลอกง่ายที่สุด ,เชื่อได้น้อยที่สุด ,คนสนใจมากที่สุด

# รายรับ = ยอดขาย >> รายได้รวม
# รายจ่าย = ค่าใช้จ่าย
# เหลือ = กำไรสุทธิ
## ถ้าเหลือ = กำไร (ถ้าเหลือ เยอะ >> กำไรเยอะ)
- ถ้าเหลือมากกว่ารายรับ  10% ถือว่าดี น่าสนใจ
- ในเวปคำนวณมากให้แล้ว คือ อัตรากำไรสุทธิ
- เป็นตัวที่บอกว่า บริษัทมีกำไรไป พัฒนาบริษัท

- เราสามารถนำกำไรไปเทียบกับทุนได้ (เป็นตัววัดที่เจ๋ง)
-- เพราะในชีวิตจริงเราใช้วัดได้หลายอย่าง
Ex เงินฝากธนาคาร ทุนที่ใช้ในธุรกิจส่วนตัวกับกำไร
-- มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "ผลตอบแทนต่อเงินลงทุน"
# กำไร = ผลตอบแทน = Return
# ทุน = เงินลงทุน = Equity
>> Return on Eauity = ROE
* ROE น้อยกว่า 3% >> กระจอก [เอาเงินไปซื้อพันธบัตรดีกว่า]
* ROE มากกว่า 10%[มากกว่าค่าเฉลี่ย]
* ROE มากกว่า 15% [ดีเยี่ยม]

## อีกมุมมองคือ เราสามารถมอง ROE เป็นเงินฝากได้
- เงินฝากที่ดี ควรมีความสม่ำเสมอ และมากขึ้นเรื่อยๆ
- เงินฝากที่ไม่ดี คือ เงินฝากที่ไม่สม่ำเสมอ ขึ้นๆลงๆ

-----------------------------------------------------------------------------
* พยามให้มอง ผลตอบแทนที่ได้เป็น % กลับในตลาดหุ้นหลังจากลงทุน
- เงินที่ลงทุนไป X ผลตอบแทนที่ ได้ Y >> X/Y = %ลงการลงทุน
ถ้าอะไรที่ลงทุนไปแล้วไม่คุ้มก็ไม่ควรลงทุน
Ex บริษัท ขายกล้วยทอด ทุน 360,000 กำไร 36,000 ต่อไป >> = 10 ปีคืนทุน หรือ10%
- ธุรกิจบางธุรกิจ ให้ผลตอบแทนน้อยกว่าเงินฝากธนาคาร (1%)
- สามารถนำสูตรนี้ไป คำนวณกับการลงทุนอื่นๆได้(อสังหาริมทรัพย์)
คนส่วนมากมักซื้อธุรกิจที่ราคาแพง
- ธุรกิจ ราคายุติธรรม >> 3.6 ล้าน >> ไม่สนใจ
- ธุรกิจ ลดกระหน่ำ >> 1.8 ล้าน >> ไปไกลๆ
- ธุรกิจอะไรไม่รู้ ราคากำลังขึ่น >>7.2 ล้าน >> เอามาเลย

P / E (Price / Earning)
- P = เงินที่ลงทุน (ซื้อธุรกิจราคา) = Price (มูลค่าตามตลาด Market Cap)
- E = กำไรต่อปี = Earning
# เป็นตัวบ่งบอกว่า ที่ราคาตลาดตอนนี้  เป็นกี่เท่าของกำไรที่บริษัททำได้
- อาจคิดเป็นผลตอบแทนต่อปีก็ได้ (คล้ายๆดอกเบี้ย)
>> ราคาตลาดปัจจุบัน กำไรอีกกี่ปีจึงเท่ากับทุน

* P/E ต่ำๆ บางทีดูเหมือนดู (กำไรต่อปี เกือบเท่าบริษัท)
บางทีอาจเป็นบริษัทที่กำลังจะเจ้งก็ได้ (ผ่านไป 1 ปี กำไรติดลบ)
ความหมายของ P/E
- กำไรโตมาก >> เซียน
- กำไรโต >> ซื้อถูก
- กำไรไม่โต ใช้ได้ >> ซื้อมาถูก
- กำไรลดลง >> เจ็บน้อย
- เจ๊ง >> ซวย
* P/E สูง อาจมีความหมายได้หลายทาง
- กำไรโตมาก
- กำไรโต >> อาจซื้อได้นิดเดียวเพราะแพง
- กำไรไม่โต >> ซวย
- กำไรลด >> ซวย
# P/E บอกระยะเวลาคืนทุน เราต้องเข้าใจธุรกิจจึงจะตอบได้

- กราฟทางเทคนิค จะเป็นตัวบอกให้เราซื้อในราคาที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ
- 4 , 5 , 6 , 7 ล้าน (เทรนขาขึ้น แล้วย่อตัว) >> โดยไม่สนราคา 3 , 2 , 1 ล้าน

-----------------------------------------------------------------------------
* การหาหุ้นถูกไม่มีสูตร
- หามูลค่ากิจการ >> เปรียบเทียบราคา >> ไปซื้อราคาที่ต่ำกว่ามากๆ >> 30% 50%
- กิจการไม่ดี >> อาจเป็นการลงทุนที่ดี ในราคาถูก

วิธีที่ 1 การวิเคราะห์หามูลค่ากิจการ
- ประเมินกำไรในอนาคต
-- ประเมินกำไรในอนาคต อีก 10 ปี
--- 700 > 800 > 900 > ประเมินคร่าวๆ 10 ปี 1000 > 1100 นำรายได้ทั้งหมดมารวมกัน X
- ดูมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด >> Y
- ถ้า Y มากกว่า X >> ไม่ซื้อ >> เพราะแพง (เป็นธุรกิจที่ดีแต่ขายแพง)
# การประเมินแบบนี้ใช้ได้ไม่กี่บริษัท ต้องเป็น เป็นบริษัทที่มีความเสี่ยงต่ำ กำไรสม่ำเสมอ
บริษัทส่วนมากกำไรไรขึ้นๆ ลงๆ

ลำดับความน่าสนใจ
วิเศษ
- ธุรกิจดี ราคาถูก
- ธุรกิจดี ราคายุติธรรม
- ธุรกิจงั้นๆ ราคาโคตรถูก
พอใช้
- ธุรกิจดี ราคาแพง
- ธุรกิจงั้น ราคากลางๆ
- ธุรกิจห่วย ราคาถูกมากๆ
กาก
- ธุรกิจงั้น ราคาแพง
- ธุรกิจห่วย ราคากลาง
- ธุรกิจห่วย ราคาแพง

วิธีที่ 2 การประเมินธุรกิจเหมือนกำลังจะเจ้ง
- เปิดดูงบว่ามีทรัพย์สินอะไรบ้าง
- ตีราคาแต่ละรายการ (Ex ตีราคาตู้เย็นเป็น เศษเหล็ก)
- หักหนี้สินทั้งหมดออก
- ได้มูลค่าซาก
- นำไปเทียบกับมูลค่า ตามราคาตลาด

-----------------------------------------------------------------------------
มูลค่าตามบัญชี (BV)
- สมบัติในกิจการ เรียกว่า สินทรัพย์
- ส่วนที่ยืมมากเรียกหนี้สิน
- สินทรัพย์ หักนี้สินออก เรียกว่าส่วนที่เป็นเจ้าของ (มูลค่าตามบัญชี)
# P/BV = ราคาทั้งบริษัทแพงกว่าราคาในบัญชี กี่เท่า ?
- P/BV น้อยกว่า 1 = เราซื้อได้ต่ำกว่าทรัพย์สินในบัญชี
* บางบริษัทที่ P/BV น้อยกว่า 1 เพราะบริหารไม่ดี หรือ มีข่าวผู้บริหารคตโกง
วิธีหาข่าวผู้บริหารคตโกง คือ นำนามสกุลผู้ถือหุ้นหลัก ไปค้นใน Google

"ไม่ว่าข้อตกลงดูดีแต่ไหน อย่าทำธุรกิจกับคนไมดี"

-----------------------------------------------------------------------------
อัตราเงินปันผลตอบแทน (%)
- เป็นตัวบอกว่าเราได้เงินปันผลประมาณเท่าไหร่
- สามารถนำตัวเลขเงินปันผลไปคุณ กับ ราคาล่าสุดได้ หน่วยเป็นจำนวน บาท
- เป็นเงินที่บริษัท กำไร แล้วมาจ่าย
-- กำไรสามารถ นำไปขยายกิจการได้ (จะเพิ่มในช่องทุน)
-- กำไรสามารถ นำไปจ่ายปันผลได้
- อีกทางเลือกคือ บริษัทนำเงินไปซื้อหุ้นคืน (ทำให่หุ้นในตลาดมีน้อย ตัวหารมีน้อย)

ถ้าบริษัทที่มีผลตอบแทนต่ำ (ROE น้อยกว่า 10%) ไม่ควรเก็บเงินไว้
เหตุการที่จะเกิด เดาได้เลยว่า
- ธุรกิจกำลังแย่
- ควายบริหาร
- ผู้ถือหุ้นใหญ่ ดูดเงินรายย่อย
 # ROE ต่ำ ปันผลน้อยควรหลีก
ลักษณะผู้บริหารควาย (ไม่เลวก็ โง่)
- ซื้อหุ้นคืนราคาสูง
- ซื้อคืนเอามาหักหุ้นที่แจกผู้บริหารฟรี
- ซื้อคืนลดจำนวนหุ้นที่เพิ่มออกเพิ่ม
-- บางที แจกหมด หรือ เก็บไว้ ก็ยังไง เลย แจกส่วนหนึ่ง เก็บส่วนหนึ่ง

เราสามารถ นำเงินปันผล (%) มา คูณ กับ P/E (Price / Earning)
- เราจะได้ % ของกำไรบริษัท ที่นำมาปันผล

-----------------------------------------------------------------------------
งบกระแสเงินสด (เงินสดเหลือเยอะ = ดี)
- มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด
- เปรียบเทียบ ระหว่าง ส่วนของผู้ถือหุ้น กับมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด
--  ส่วนของผู้ถือหุ้น > มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด = ดี [เป็นบริษัทที่มีมูลค่า ขายได้ราคาแพง]
--  ส่วนของผู้ถือหุ้น < มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด = ไม่ดี [เป็นบริษัทที่ ขายถูกกว่าที่มี]
- เปรียบเทียบ ระหว่าง กำไรต่อปี กับมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด
-- กำไรต่อปี / มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด > 10% [ดี >> ลงทุน ครั้งเดียว 10 ปีคืนทุน]
-- กำไรต่อปี / มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด < 10% [ไม่ดี >> คืนทุนนาน]
* ซื้อบริษัทไม่คุ้ม หุ้นเดียวก็ไม่ควรซื้อ
- บางบริษัท กำไรต่อปีน้อย , ส่วนของผู้ถือหุ้น < มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด >>
แต่ในตลาดมีผู้ซ์้อดิลแบบนี้เยอะแยะ

-----------------------------------------------------------------------------
สรุป
งบดุลดู 3 อย่าง
- ทุนโตขึ้นไหม ?
-- > 10% = ดี
-- < 10% = พอใช้
-- ลดลงเรื่อยๆ = แย่
- ทุนปีล่าสุดมากกว่าเรียกชำระไหม ?
-- > = ดี
-- < = แย่
- เรียกชำระเพิ่มขึ้นไหม
-- เท่าเดิม = ดี
-- ลดลง = พอไหม
-- เพิ่มบ้าง = แย่  , เพิ่มเยอะ = แย่มาก
- ยอดขาย ควร > เงินลงทุน
- อัตรากำไร ควร > 10 %
- ROE ควร > 20 %
- กำไรสุทธิ ควรโตต่อเนื่อง

ข้อมูลในอดีต วิเคราะห์การเติบโตในอนาคต
- ส่วนของเจ้าของ ต้องมากขึ้น (ส่วนของผู้ถือหุ้น โตกี่ %)
- ยอดขาย ต้องมากขึ้น (รายได้ / กำไร สุทธิ)
- กำไรที่ ต้องมากขึ้น (กำไรสุทธิปีล่าสุด / กำไรสุทธิ 3 ปีก่อน)
# การขายที่มากขึ้น >> กำไรโตขึ้น
กำไรที่ได้ขากบริษัท แบ่งเป็น 2 ส่วน
- ส่วนแรกคือปันผล (คำนวณจาก ปันผล x P/E)
- ส่วนเงินที่เหลือ >> พัฒนาบริษัท
- เงินที่เอาไปพัฒนาบริษัทสามารถตรวจสอบได้จาก ROE%
-- ROE ที่สูงพอพอปีก่อน แสดงว่าบริหารได้ดี
Ex ROE 24%
- แจก 40 % >> = 9.6% (จากที่ควรได้ 9.6% แต่เหลือน้อยเพราะ หุ้นราคาแพง)
- เก็บ 60 % >> = 14.4% >> 14% โตพอพอกับทุนที่โตขึ้น = บริหารดี

** หัวใจหลักของการลงทุนคือ ความปลอดภัย และรักษาเงินต้นให้ได้

-----------------------------------------------------------------------------
ความโลภ ชนะความกลัวได้
ความกลัว อาจเลี่ยงให้พ้นอันตราย
ความเกียจคร้าน ทำให้หาวิธีที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ความโง่ ทำให้อ่อนน้อมถ่อมตน
ไม่มีการชนะตนเอง ไม่มีการเป็นนายเหนือตัวเอง

-----------------------------------------------------------------------------
อ้างอิง
Link1 : https://pantip.com/topic/33784056
Link2 : https://pantip.com/topic/33789418
Link3 : https://pantip.com/topic/30385059