MudleyGroup : เฉลย ข้อสอบกลางภาค 2016 : EP4

เฉลย ข้อสอบกลางภาค 2016
สรุปความรู้ที่ได้จาก Link : https://www.youtube.com/watch?v=uZd54MTxX1o
Link : https://www.youtube.com/watch?v=NlhQRixf2qk

------------------------------------------
- การ live ต่อไป จะมีการโชว์ Position น้อยลง เพราะเราไปเล่ง ว่าพี่เขาถืออะไรอยู่ ?
-- ตัดความคาดหวังของเราให้น้อยลง >> อยากสือให้เห็นถึงความรู้มากกว่า
- พี่ต้านต้องการคนที่มีความพยายาม >> แปล Principle >> อยากสอนคนที่ Expert
>> เพราะเวลาพี่ต้านมีน้อย (มีจำกัด) >> อยากให้สิ่งที่สอนตกถึงเรามากที่สุด
- การสอบเป็นการทดสอบว่าเรามีความพยายามแค่ไหน
- ภาษาอังกฤษไม่ยากเกินความสามารถ
- สาเหตุที่คนไทยอ่านหนังสือสู้เขาไมได้ เพราะว่า

การอ่าน Principle >> สาเหตุที่อ่านเพราะเราจะได้แนวคิด
>> แนวคิดจากประสบการณ์คนหนึ่ง 20 - 30 ปี >> กับคนที่มีสายงานใน สายนั้นๆ
- จะเป็นการทำลายกำแพง เราไม่ชอบอ่าน (ทำลายกำแพงความขี้เกียจ)
- เราเกียดภาษาอังกฤษ
- การเทรดถ้าเราเข้าใจธรรมชาติ >> เราจะเทรดได้ดี
- เข้าใจหรือ ไม่เข้าใจ >> จะวัดได้ตาม Curve
- ข้อสอบที่ให้ใช้ความพยายามในการวัด
- เมื่อเรารู้ว่าตัวเองอยู่เกรดไหน >> เราจะรู้ว่าเรามีความพยายามขนาดไหน

- การอ่านมีหลายรูปแบบ
-- คนทั่วไปอ่านแบบ อ่าน >> อ่านจบอ่าน >> อาจมีสรุปมาก
-- จำได้บ้างไมได้บ้าง ,คิดว่าเข้าใจ >> เรามักชินการอ่านแบบสรุป
Ex เราอ่านหนังสือ 1000 เล่ม แต่ชอบแค่ 5 เล่ม >> เราต้องลงรายละเอียด
>> อย่าเอาความเคยชินมาใช้ (อ่านเร็ว)
-- ถ้าเราสรุป เรามักตัดเนื้อหาที่คิดว่าไม่สำคัญ >> สิ่งที่ตัดไป อาจเป็นสิ่งที่สำคัญก็ได้ 
>> เรามักรีบสรุปว่าอะไรสำคัญ ไม่สำคัญ
-- อะไรที่เกี่ยวข้องกับเรา เราต้องลงรายละเอียด >> เราต้องเข้าใจ
- คนที่ประสบความสำเร็จมีการอ่าน หลายรูปแบบมาก

------------------------------------------
เพิ่มเติม
- 0002 : MudleyGroup - ระบบทุนนิยม :
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/10/0000-etc.html
- 0004 : MudleyGroup - กลยุทธ์ และจุดอ่อน :
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/11/0004-mudleygroup.html
- 0006 : MudleyGroup - Hedge Fund Manager 001 :
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/11/0006-mudleygroup-hedge-fund-manager-001.html
- 0008 : MudleyGroup - Hedge Fund Manager 002 :
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0008-mudleygroup-hedge-fund-manager-002.html
- 0009 : MudleyGroup - Trader ยุคใหม่ และโอกาส
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0009-mudleygroup-trader.html

KZM : Killer Zone Model : EP9 [value-visions]

สรุปความรู้ที่จากการอ่าน Blog : http://value-visions.blogspot.com/
ต่อจาก : http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0051-thai-stock-kzm-value-visions-7.html

-------------------------------------------------------------------------------------------
0139 : บันทึกความเข้าใจสมการ True Alpha ของผม
- ได้โอกาสนั่งเรียนเรื่อง True Alpha จาพี่ต้าน
- สรุปตามเข้าความเข้าใจของเจ้าของ Blog (อาจถูกผิด)

"ReTurn = Cash + Beta + Alpha"

- Return  คือกำไรที่ได้มาจาก 3 ส่วน
- Cash = เงินสด >> เงินทุนของเรา (เงินฝาก เงินสำรองบัญชีหลักทรัพย์)
-- ถ้าเป็นเงินกู้ ดอกเบี้ยก็ติดลบ ถ้าเป็นเงินฝากดอกเบี้ยก็เป็นบวก
- Beta = เครื่องมือสร้างกระแสเงินสด สม่ำเสมอ (KZM ,DSM) >>
-- Bera คือสกิวของ Trader
- Alpha = ส่วนของเงินลงทุนระยะยาว (Long Term Run)
-- เป็นเงินที่เข้าซื้อในจังหวะ Discount (ลดราคา)
-- สามารถทำ Alpha >> True Alpha Product ได้ ในตอนที่มันกลับมามี Premium
-- Alpha เป็นสกิวในการเลือก Asset >> Skill ของ Fund Manager

การสร้าง True Alpha >> สร้าง Strucuture (โครงสร้าง)
- Cash 50% (50% ห้ามน้อยกว่านี้)
- Beta 40% >> เงิน Run model >> สร้าง Cash Flow เข้าพอร์ตอย่างสม่ำเสมอ
- Alpha 10% >> Long Term invest >> ลงทีละ 10% >> หากเจ็บ พอร์ต รวมเจ็บไม่มาก

การรักษาสัดส่วนของพอร์ต (Re - Balancing)
- การ Balance >> Alpha ให้ครบ 10 % ตามที่ลงทุน

Ex มีเงิน 1,000,000 บาท
แบ่งโครงสร้างของเงิน
- Cash 50% = 500,000 บาท
- Beta 40 % = 400,000 บาท
- Alpha 10% = 100,000 บาท

Alpha เราจะมองในรูปของ NAV >> 100,000 บาท หุ้นละ 1 บาท >> มอง NAV เป็น 100,000 Point
- จะเกิดเหตุการณ์ อยู่ 2 อย่างในกราฟ ไม่ขึ้นก็ลง
กรณีลง
- ราคาหุ้นลงมาเหลือ 0.90 บาท >> NAV 100,000 Point ลดลงเหลือ 90,000 Point
- Loss 10,000 Point
- ที่ราคา 0.90 บาท >> เงินที่เสียไป 10,000 บาท >> สามารถซื้อหุ้นได้ 11,111 หุ้น
- ซื้อหุ้น เราจะมีหุ้นทั้งหมด 100,000 + 11111 = 111,111 Point
>> เราจะมีจำนวน NAV 100,000 Point เท่าเดิม
VVV
- ถ้าราคาหุ้นลงมาเหลือ 0.80 บาท >> NAV 111,111 Point ลดลงเหลือ 88,889 Point
>> Re - Balancing ให้ครบ 100,000 Point
- ที่ราคา 0.80 บาท >> เงินที่เสียไป 100,000 - 88,889 บาท >> สามารถซื้อหุ้นได้ 11,111 หุ้น
>> ใช้เงิน 11,111 ซื้อหุ้นที่ราคา 0.8 บาท >> 13,889 หุ้น
- Re-balancing 100,000 + 13,889 = 113,889 Point
VVV
- ถ้าราคาหุ้นลงมาเหลือ 0.70 บาท >> NAV 113,889 Point ลดลงเหลือ 79,722 Point
>> Re - Balancing ให้ครบ 100,000 Point
- ที่ราคา 0.80 บาท >> เงินที่เสียไป 100,000 - 79,772 บาท >> สามารถซื้อหุ้นได้ 20,274 หุ้น
>> ใช้เงิน 20,274 ซื้อหุ้นที่ราคา 0.7 บาท >> 28,968 หุ้น
- Re-balancing 100,000 + 28,968 = 128,968 Point

เราจะได้โซน
- ที่ 1 บาท 100,000 หุ้น
- ที่ 0.90 บาท 11,111 หุ้น
- ที่ 0.80 บาท 13,889 หุ้น
- ที่ 0.70 บาท 28,968 หุ้น

ถ้าราคาลงไปเรื่อยๆ เราเอาเงิน Beta มาเติมไม่ทัน ให้ใช้ Cash 50% Heal ตัวเอง

เช็คราคาหุ้น (ตอนขายคืน)
- ที่ราคา 0.70 บาท > 0.80 บาท -- ขาย คืนที่ 0.80 บาท 28,968 หุ้น >> กำไร 2,896 บาท
- ที่ราคา 0.80 บาท > 0.90 บาท -- ขาย คืนที่ 0.90 บาท 13,889 หุ้น >> กำไร 1,388 บาท
- ที่ราคา 0.90 บาท > 1.00 บาท -- ขาย คืนที่ 1.00 บาท 11,111 หุ้น >> กำไร 1,111 บาท

กำไรที่ได้มาเก็บไว้ทำ True Alpha
- กำไรที่ได้นำไปลดต้นทุน
-- 2,896 + 1,388 + 1,111 = 5395
- 100,000 - 5395 = 94,605
- ถ้าลดต้นทุนเหลือ 0 จะเรียกว่า True alpha



หากราคาขึ้นไปที่ 1.1 บาท NAV กลายเป็น 110,000 บาท
- จะทำยังไงอยู่ที่ว่าเราจะสร้าง Zone Re - Balancing
VVVV
อาจตัวให้เหลือ NAV 100,000 (ขายออก 9,090 หุ้น )
>> ได้ Cash Flow มา 10,000 บาท >> มีโซนรับคืน Re - balancing 9,090 หุ้นที่ราคา 1 บาท

- ถ้าขึ้นต่อก็ Re - balancing .ให้เหลือ NAV 100,000 ไปเรื่อยๆ
- ทำแบบนี้จนลดต้นทุนได้สัก 50 % >> หา Alpha ตัวใหม่
* Alpha ที่เน้นย้ำจริงๆ คือ ต้องลงทุนในจังหวะ Discount หรือช่วงตลาด Panic


-------------------------------------------------------------------------------------------
0034 : Thai Stock - NAV ?
Link : http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/11/0033-thai-stock-nav.html


MudleyGroup : Trader ยุคใหม่ และโอกาส : EP3

Trader ยุคใหม่ และโอกาส
สรุปความรู้ที่ได้จาก Link : https://www.youtube.com/watch?v=ZaJZu8_NoEA&t=5s

------------------------------------------
Trader ยุคใหม่ และโอกาส
- ในยุคปัจจุบัน ทำไม "เราต้องพยายาม" >> เพราะทักษาเฉพาะด้าน มีบทบาทมากขึ้น
- ทุกคนเข้าถึง อินเตอร์เน็ตได้
Ex Programer >> สามารถทำงานฝรั่งได้
- ถ้าเราฝึกถ้าเรามีฝีมือ >> เราสามารถทำงาน กับฝรั่งได้เสมอ

- ตัวอย่าง Etoro >> พี่ต้านเริ่มจาก 300 $ >> ไม่ได้ใช้ leverage
-- ถ้าเราเทรดได้ดี ได้ตามเกรณ์ >> จะมีฝรั่งมาตามตัวเอง
-- มีเงินเดือนให้ >> ถ้ามี Follow
- เราไม่จำเป็นต้องไปเข้า Fund ที่ใหญ่
-- แต่ยังไงเราต้องเก่ง >> หนีไม่พ้นการฝึก

- ถ้าเราไม่ชอบให้คนมา Copy
- ก็ไปเทรด โบรคที่มี Pamm account
- ถ้าทำได้ดี ก็จะมีคนมาฝาก หรือคนที่เทรดไม่เป็น

- ตอนนี้มันมีโอกาสมากมาย >> ถ้าเราเก่ง
- สมัยก่อนยาก >> เพราต้องส่งผลงาน resume
- พี่ต้านยกตัวอย่างให้เห็นว่า >> น้อง (เรา) มีพลังงานมากกว่า มีโอกาสมาก บนโลกใบนี้
- รู้ Risk คำนวณเป็น มีทักษะ >> มีโอกาสเสมอ
- โอกาสมีให้สำหรับคนที่ฝึกฝน >> โอกาสมีบนโลกนี้เสมือ

- ได้เวลาของคลื่นลูกใหม่
- ถ้าฟังแล้ว เรียนแล้ว ห้ามล้างพอร์ต
- ถ้าไม่ล้างพอร์ต เราจะเรียนรู้ได้เรื่อยๆ >> ฝึกฝน
- ในตลาด ต่างประเทศ (Forex) เราไปเทรด >> เปรียบเหมือนเราเอาแบงค์ 1000 มาเผาไฟ
>> สิ่งที่เราควรจะได้ คือได้อะไรกลับมา ไม่ไช้เริ่มที่ 1 ใหม่ (ล้างพอร์ต เริ่ม 1 ใหม่)
>> ถ้าล้างก็จะวนแบบนี้ ไปเรื่อยๆ
- ไม่ยากที่จะชนะฝรั่งได้
- หน้าที่ของเราคือ ฝึก >> เก็บรายย่อยฝรั่ง
- ปล่อยให้พี่ต้าน ไปสู้กับ สถาบัน หรือกองทุนเอง

การฝึกทำไง
- เข้าใจความเสี่ยงคืออะไร >> เราไม่รู้ว่าเราเสี่ยงอย่างไร >> เทรด Forex ให้คิดว่าเราเดินไปแลกเงินกับ Super Rich แล้วเราจะเห็นภาพมากขึ้น
- ต้องไม่ล้างพอร์ต ก่อนอันดับแรก (ถ้าไม่ล้างพอร์ต ชนะกี่คนแล้ว) >> เกินครึ่งแน่นอน
- ฝึก Mentalร่างกายต้องแข็งแรง

Business ยังไง โบรคก็ต้องกำไร >> ตุกติกอยู่แล้ว >> สอนคนดีให้รับมือกับคนไม่ดี
>> เขาเอาเปรียบเราอยู่แล้ว >> แต่เราต้องรับสิ่งที่โดนเอาเปรียบเขาให้ได้
Oanda เป็น Market market
Xm ถ้าเก่งมาก จะบอกว่า เทรดถี่ไป
Pepperstone เห็นท่าไม่ดี ไม่ให้เทรด Product นั้น >> Pepperstone ถอนได้ตลอด
Exness เซิฟเวอร์ไม่ดี (พอร์ตอื่นเทรดได้ปกติ)
- ไม่ว่าจะเทรดโบรคไหน เมื่อไปเห็น ความคิดเห็น จะเห็น แง่ลบหมด

พี่ต้านคาดหวังไว้สูง เพราะพี่ต้านไม่ได้เงินค่าสอน

เราต้องเป็น Trader ยุคใหม่
- จะโลภได้ แต่ต้องโลภบนกำไร >> ไม่มีใครตีเราได้

เรามองข้ามพื้นฐานสำคัญ
- Forex การแลกเปลี่ยนเงิน
- ศึกษา  Principle ตามหลักความเป็นจริง >> ถ้าทำ Principle ได้ดี เราจะชนะเกินครึ่งตลาดแล้ว
- Principle ของ Forex คือการแลกเปลี่ยนเงินตรา >> เราคิดว่าเงินตรานี้เหมากับเรา
- แต่ละเงินตรา มีอัตราดอกเบี้ย

- เงินมาพร้อมกับ ความสามารถ >> เงินมาพร้อมทักษะ >> มีทักษะเงินมาเอง
- เป็น Trader เหมือนร่องเรือ
-- Trend เปรียบเหมือน กระแสน้ำ
-- TA คือ ทิศทางลม
- บางครั้งทิศทางลม อาจทำให้เราได้เปรียบ หรือ ไขว้เขว
- บางครั้งเรา ยึดติดกับแระแสลม มากกว่ากระแสน้ำ >> ส่งผลให้เราเหนี่ยฟรี >> เหนี่ยงเปล่าๆ
- ถ้าเราเข้าใจ Principle เราจะเข้าใจ Trend
- ถ้าเราข่าใจกระแสลม กระแสน้ำ เราจะได้เปรียบ
- เราจะรู้กระแสน้ำได้อย่างไร >> บางที เราโยนใบไม้ลงไป เพื่อดู >> แต่บางคนกระโดด ลงไปเลย

legendary inventors >> จะสอนการคิด >> ไม่ค่อยสอนเทคนิค
- ถ้ามีความคิด สามารถสร้างเทคนิคต่างๆได้มากมาย
- ต้องแยกระหว่าง Process กับความคิด (ทำไม ทำไม ทำไม ? >> ทำไปเพื่ออะไร ) >> ต้องคิด

ถ้าเราแค่ทำ CS
- มันมีช่องทางให้ชาวบ้านเห็น
- เม็ดเงินฝรั่งเยอะมาก >> ถ้าเรายืนนาน ไม่จำเป็นต้องเก่งมากมาย >> มีโอกาส ที่ฝรั่งจะมาลงทุนด้วย
- เราสามารถ Present ให้โลกเห็นได้ >> ตลาดเมืองไทยมันน้อย (เล็กมาก)
- เราไม่มีความจำเป็น ที่จะต้องไปแปะบน facebook ก็ได้

------------------------------------------
เพิ่มเติม
- 0002 : MudleyGroup - ระบบทุนนิยม :
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/10/0000-etc.html
- 0004 : MudleyGroup - กลยุทธ์ และจุดอ่อน :
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/11/0004-mudleygroup.html
- 0006 : MudleyGroup - Hedge Fund Manager 001 :
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/11/0006-mudleygroup-hedge-fund-manager-001.html
- 0008 : MudleyGroup - Hedge Fund Manager 002 :
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0008-mudleygroup-hedge-fund-manager-002.html

Cway : How to start trading : EP9

สรุปความรู้จากคลิป
Link : How to start trading : https://goo.gl/YfEP3v
--------------------------------------------------------------------------------------------
How to start trading
- Trader ไม่ใช่มีการซื้อ ขายอย่างเดียว
- Trader คล้ายๆ พอ่ค้าคนกลาง ใช้ความได้เปรียบจากพฤติกรรมราคา >> จากความไม่เป็นเหตุผล
>> สร้างผลตอบแทน
-  ต้องมีวินัย ,ต้องเข้าใจความเสี่ยง และรับมือความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี
- เน้นรักษาเงิน ทำกำไรต่อเนื่องในระยะยาว

Trader ที่ใช้  Technical Analysis [TA]
- เครื่องมือ คือ ตัวช่วยตัดสินใจเท่านั้น ไม่มีทางถูกต้อง 100 % >> ข้อมูลที่นำมาวิเคราะห์
>> เป็นเป็นข้อมูลในอดีต
- Key ไม่ได้อยู่ที่เครื่องมือ แต่อยู่ที่การตัดสินใจ
- เครื่องมือเป็น แค่ 10 % เท่านั้น
- การตัดสินใจ เป็นตัวแยกระหว่าง มือสมัครเล่นกับมืออาชีพ
Ex นักกีฬาฟุตบอล เล่นตามสัญชาติญาณ ที่เกิดจากการฝึกอย่างสม่ำเสมอ
- ตัดสินใจ >> Action >> ผลที่ตามมา ถ้ารับมือได้ >> แก้ปัญหาได้
- นักเก็งกำไรที่เก่ง จะรับมือกับปัญหาที่เกิดได้ดี

90 - 90 - 90 - 90
- 90 %คนส่วนใหญ่เข้ามาเป็นนักเก็งกำไร แพ้ขาดทุน
-- เม็ดเงินในตลาดมี จำนวนจำกัด และ เป็นการกำไรเงินจาก คนที่จากคนที่แพ้ (zero sum game)
-- นักเก็งกำไร คนที่เก่งจริงๆ มีเยอะ >> Money move >> มือใหม่ > มือเก่า
Ex อยากได้เงินวันละล้าน >> แสดงว่ามีคนเสียเงินไห้เราวันละ ล้าน
Ex นักฟุตบอลทีมชาติ ใช้คนเล่นไม่กี่คน แสดงถึงการแข่งขัน
- สูญเสียเงิน 90 % ที่นำเข้ามา
-- ส่วนมากเข้ามา ถ้าเสียเหลือ 10 % ก็คิดว่าไม่ไหวแล้ว
-- แนะนำว่าอย่าเอาเงินเข้ามามาก
- ยอมล้มเลิกใน 90 วัน
-- มือใหม่เข้ามา ตื่นเต้นไปหมด เมื่อเงินหมดไป 3 เดือน ท้อแท้
-- แนะนำอย่าประมาท
- 90 % ที่ล้มเหลว จะมีทัศนคติแง่ลบ ต่อการเก็งกำไร
-- ด่าว่าเก็งกำไรเป็นเกมส์ที่ขี้โกง ,โทษคนอื่น

ต้นเหตุความล้มเหลวของมือใหม่
- ความล้มเหลวเป็นเรื่อง ปกติ >> แต่คนที่สู้ต่อไป มักจะสำเร็จ
(คนเราถ้าไม่หยุดความพยายาม มักประสบความสำเร็จ)
Ex Soros >> ใช้เวลาสะสมประสบการณ์ เป็น 10 ปี >> ถึงจะมี Soros Fund
- แสวงหาทางลัด / เครื่องมือพิเศษ คาดหวังในปาฎิหาริย์ >> เม็ดเงินในตลาดมีจำนวนจำกัด
- อยากได้กำไรเยอะๆ เร็วๆ ในเวลาสั่น >> ไม่มีอยากมี >> เสี่ยงไม่จำกัด
- ขาดวินัย >> การทำ Trader diary >> เรียนรู้ทุกวัน
-- การทำสมธิ >> ฝึกทุกวันวันละ 15 นาที (มีเวลานอน แสดงว่ายังมีเวลา)
-- เมื่อเทรดในสภาวะที่ไม่แน่นอน เราไม่มีความนิ่ง เราจะทำตามแผนไม่ได้
- ไม่ชอบทำงานหนัก ไม่ยอมฝึกฝน >> ไม่ทำไม่ฝึก แต่อยากได้เงิน
-- บางอย่างต้องอ่าน ต้องทำ >> ไม่ทำความรู้มีไม่พอ >> ตกน้ำตื้น
- ติดภาพแฟตนาซี เพ้อฝัน >> มีความคาดหวังสูง >> ก็จะเกิดการผิดหวังสูง
- ขาดความอดทน >> อดทนที่จะรับความสำเร็จ
-- บางอย่างไช้เวลาเป็นปีๆ ในการสะสมความรู้
Ex ทำ 6 เดือนไม่เห็นผล >> เลิก
* คน 10 % ที่ประสบความสำเร็จ มักผ่านด่านเรื่องพวกนี้ เพราะเป็นคนส่วนน้อย
- ไม่มีภูมิคุ้มกันทางอารมณ์
-- ทุกครั้งที่เกิดการกำไร ขาดทุน >> มีผลต่ออารมณ์เสมอ
-- ทุกครั้งที่ขาดทุน >> จะเกิดแผลในใจเสมอ
- การหาตัวเองไม่เจอ >> ต้องหาสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเรา
-- ไปฟังคนโน้น คนนี้ >> ไปฟังคนอื่นว่าแบบนี้ดี แต่ไม่ถูก จริตกับตัวเรา
- การพึ่งพาคนอื่น คล้อยตามฝูงชน
-- ล้มเหลวบ่อย >> หาที่พึ่ง  >> คล้อยตามคนอื่น >> พากันล้ม
-- ส่งผลให้ไม่มีการคิดเป็นของตนเอง
- ไม่เข้าใจความเสี่ยงอย่างแท้จริง
-- ขาดเกาะป้องกัน >> ยากที่ ยอมรับความผิดพลาดไม่ได้
-- ยึดติดกับการเดา >> มั่นใจสุดโต่ง >> แต่เราไม่รู้อนาคต >> พังง
* ฝึกฝนให้หนัก และมีวินัย
ทุกคนมักมองที่เงินหมด >> ส่งผลให้เอาเงิน เยอะไปแลก

มือใหม่ส่วนใหญ่ "High Risk High Return" >> มีประโชยน์อะไร เมื่อเสี่ยงเยอะ ได้เยอะ และพลาดทีเดียวก็หมดมันไป

คนที่เก่งส่วนใหญ่ "Limit Risk High Return"
- จะมีการวางแผน  Risk management ,Money management
- หวัง High Return ในระยะยาว

- ทักษะการ เก็งกำไรมีอยู่ในตัวทุกคน
-- แต่ทักษะ การเอาตัวรอด แต่ละคนไม่เหมือนกัน
-- การจะอยู่รอดในตลาด ต้องแข็งแกร่ง
- อยากเป็นนักเก็งกำไร ต้องมีความกระหาย อยากชนะ ไม่ได้มุ้งแต่กำไร
- ต้องบังคับตัวเอง ต้องมีวินัย

4-3-3 Tip & Tricks
- 4 แรก คือหนังสือ  >> มือใหม่ควรเริ่มอ่านหนังสือ
-- การอ่านหนังสือช่วยให้เราเห็น อะไรหลายๆ อย่างได้มากๆ (ได้เรียนรู้ ได้มุมมอง)
-- ภาพรวม กระบวนการหลัก ของการเป็น Trader (หนังสือบางเล่มใช้เวลาอ่านเป็น เดือน เป็นปี)
หนงสือที่แนะนำ
- Trading in the zone
-- Mindset ภาพรวมของการฝึกฝน วิธีคิด การฝึกฝน สร้างความมุ่งมั่น
>> การโฟกัสการเทรด (ฝึกจากข้างใน)
Ex เข้าป่าล่าสัตว์ เราไม่รู้ว่าอะไรจะอยู่ข้างหน้า เจอสภาพอากาศ
>> ต้องฝึกความแน่นอนความแม่นยำ การเอาตัวรอด
-- สอนในเรื่องความจริง ไม่ขายฝัน ทักษะการเทรด เกิดความแน่นอนในการเก็งกำไร
-- การฝึกฝน เข้าสู่ Zone จิตที่ว่างเปล่า ที่ไม่มีการแทรกแทรงทางอารมณ์
>> การ Flow ผสานการตัดสินในไหลลื่น
- The Mental Strategies of Top Traders
-- อะไรที่ อยู่ในกราฟที่ผ่านมาแล้ว เราสามารถ เล่าได้เป็น ฉากๆ
-- Mindset  แนวคิด ทัศนคติ ของ Trader ที่ประสบความสำเร็จ
-- การตัดสินใจเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
-- เล่นนี้จะพูดถึงเรื่องการตัดสินใจ ,ความฉลาดทางอารมณ์
-- พัฒนา ทักษะทางอารมณ์ การตอบสนองต่อจิตใจ
-- ทดลองจากคนจริงๆ
-- อธิบายทำไมจิตใจจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ของ Trader >> จริงใจมีผลต่อการลงทุน
- Hedge Fund Market Wizards
-- มุมมองของ ผู้เล่นอีกกลุ่มหนึ่ง ที่อยู่รอดในตลาด (ชนะตลาดทุกปี)
-- การรับมือกับ ภาวะวิกฤติทางการเงิน
-- แนวคิดหลักในการเทรด ของเหล่าเซียนๆ
- Quantitative Trading Systems
-- การออกแบบระบบ
-- การออกแบบกลยุทธ์
-- การพัฒนาระบบ
-- การทดสอบ ปรับแต่งระบบ

- 3 ภาพยนต์ >> เปิดมุมมอง เกี่ยวกับตลาดหุ้น และเกมส์การเงิน
-- เก็บเอา บรรกาศในตลาดหุ้น เรียนรู้จากหนัง
-- พูดถึงเรื่องการ เงินเยอะมาก
-- เข้าใจภาพรวมเกมส์การเงิน
- Boiler Room
-- เกี่ยวของกับ กลุ่ม Trader Broker
-- ตั้งบริษัท สร้างทุกวิธีทางสร้างเงิน
-- ชักชวนการคนอื่นลงทุน >> กระตุ้นความโลภ
-- การสร้างเกมส์การขาย
Ex หลอกให้ได้กำไรก่อน >> จากนั้นสอดหุ้น เน่าเข้าไป
-- อยากได้อยากมีมากๆ >> กลายเป็นเหยื่อ
- Rogue Trader
-- Trader ที่นอกลู่นอกทาง
-- เป็น Trader ที่เก่ง >> ไปเจอความไม่แน่นอน >> เมื่อถึงจุดหนึ่ง
-- ได้มาก เทรดมาก >> จุดหนึ่ง เกิดสภาวะที่เปลี่ยนแปลงไป >> ขาดทุน
-- แพ้ไม่เป็น >> สู้ >> ถั่วเฉลี่ย >> เงินไม่พอ >> โกง >> เอาไม่อยู่ >> ระเบิด >> เจ้ง
-- สอนให้เห็นถึงความโลภ ชัดเจน
-- สอนในเรื่องการบริการจัดการความเสี่ยง
- Wall Street
-- เห็นมุมมองของการใช้ กลยุทธ์ ขับเขี่ยวกัน (ผู้เล่นสถาบัน)
-- เห็นการหักหลัง เพื่อให้ได้เงิน

- 3 สารคดี >>การเทรด ที่มือใหม่ไม่ควรพลาด
-- สะท้อนกระบวนการเทรด Trader
-- ทำให้รู้ว่าในตลาดเก็งกำไร ไม่ได้มีแค่คนนั่งเฝ้าจอ
- Trader
-- เน้นการตามติดชีวิต Trader
-- แผนการต่างๆ
-- รายละเอียดการทำงาน การซื้อขาย
- Million Dollar Traders
-- เอาเงิน 1 ล้านไห้ 8 คน
-- 8 คนคัดมาแล้ว >> สอน 2 สัปดาห์
-- ถ่ายช่วง วิกฤต Subprime
-- แบ่งทีม แข่งกัน >> มีคนคอยให้การปรึกษา >> ทำไม่ดีโดนตัดออกทีม
-- มีสภาวะอารมณ์ต่างๆ การเถียงกัน
- Traders Millions By The Minute
-- เป็นการถ่าน Trader ทุกๆ กอง
-- เห็นสภาวะการทำงาน ของสถาบัน
-- มีวิธีคิด สถาณการณ์ Trader มืออาชีพ

--------------------------------------------------------------------------------------------
จิตวิทยาว่าด้วยการขาดทุน :
Link : https://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0001-cway.html
รูปแบบความผิดพลาด :
Link : http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0002-cway.html
อารมณ์ และการตัดสินสินใจ
Link : http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0003-cway.html
Bias
Link : http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0004-cway-bias.html
Over Confidence ,DisPosition Effect ,Endowment effect
Link : http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0005-cway-over-confidence-disposition.html
Behavioral Economics
Link : http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0006-cway-behavioral-economics.html
คุณภาพของกำไร
Link : http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0007-cway.html
เทรดยังไงไม่ต้องเดา
Link : http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0008-cway.html

Cway : เทรดยังไงไม่ต้องเดา : EP8

สรุปความรู้จากคลิป
Link : เทรดยังไงไม่ต้องเดา : https://goo.gl/iT7Ugi
--------------------------------------------------------------------------------------------
เทรดยังไงไม่ให้เดา
- ถ้าจะทรดระยะยาว กระบวนการคิด การวางแผน สำคัญ
- การเทรดคือ การหาเครื่องมือ ระบบ >> มาสนับสนุนการตัดสินใจ
>> สิ่งที่ทำได้คือ ทำให้เหมาะกับทรัพยากรที่เรามี >> อย่าไปลอกตามกัน
>> อย่าทำให้เทรดแล้วไม่มีความสุข
- ถ้าเทรดแล้วออกจากหน้าจอไม่ได้ >> แสดงว่าเราหมกมุ่น >> ส่งผลลบต่อร่างกาย >> ต้นทุนที่มองไม่เห็น สุขภาพจิตเสียหาย
- Trader ที่เก่งส่วนใหญ่ จะอยู่ในตลาดส่วน ระยะยาว >> สะสมประสบการณ์เยอะมาก
- การเทรดประสบความสำเร็จ 10 ปีที่แล้ว ไม่ได้การันตรีว่า จะไช้กระบวนการเทรดเหมือนเดิมแล้วจะ ประสบความสำเน็จในตอนนี้
>> มีการเปลี่ยนแปลงหลาย อย่างที่ไม่เหมือน เมื่อ 10 ปีที่แล้ว (ดอกเบี้ยติดลบ ,QE)
- การเป็น Trader สามารถ เทรดเป็นอาชีพได้ แต่
-- ต้องมีวิธีคิด เรื่องการอยู่รอด
-- มีวิธีคิดในการเล่นเกมส์ระยะยาวให้เป็น

การเทรด ให้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
- การตัดสิน
- พฤติกรรมของราคา

 การตัดสินใจ สำคัญในการเทรด ต้องพัฒนา
- พัฒนาวิธีคิด การตัดสินใจ ที่ดี (ปราศจาก Bias)
-- บางทีการตัดสินใจมักเกิดจากสภาวะทางอารมณ์
-- ประสิทธิภาพ ในการตัดสินใจ
--- ตัดสินใจภายในกรอบเวลาที่สั้น
--- การตัดสินใจบางครั้ง อยู่ภายใต้ความกดดัน >> ถ้าเอาชนะความกดดันไม่ได้ >> จะทำให้คุณภาพการตัดสินใจพลาด

- การตัดสินใจของเรา
-- ใช้ข้อมูล และการวางแผน
-- มันคือการ Bet มีทั้ง ได้ และเสีย

* การเทรดอยู่ที่กระบวนการตัดสินใจ
- เราต้องฝึก จากประสบการณ์
- ฝึกฝน

ภาวะของพฤติกรรมราคา
- เป็นวิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ >> มีผู้เล่นหลายกลุ่มหลายฝ่าย
- เกิดบนความน่าจะเป็น (มันมีทั้ง โอกาสที่ จะเกิดและไม่เกิด)

- ความน่าจะเป็น
-- การเคลื่อนตัว >> Trend
-- การไม่เคลื่อนตัว >> Side Way

ถ้าไม่อยากเดา >> Sendario
- การสร้างแผน รับมือ ผลของ ความน่าจะเป็นที่จะเกิด
- สร้างแผนรับมือ ทั้ง ถูก และผิด
- เราต้องรู้ว่า เรามีโอกาสที่จะผิดเสมอ
- เราต้องมีการวางแผน  risk management
- ถ้าเราผิด เรามีโอกาสในการขาดทุนเท่าไหร่
- ต้องเข้าใจหลักความน่าจะเป็น >> วางแผนรับมือ

- การ BackTest เขาไม่ได้ต้องการหาความถูกต้อง >> เขาต้องการหาโอกาสที่จะผิด
-- เช่น การขาดทุนสูงสุด แล้วจัดการ
-- Product เป็น 0 >> แล้วจะแก้ไขยังไง ?
-กระบวนการทำระบบ เทรด
-- เน้นเรื่องของ โอกาสในการอยู่รอด
-- อย่าเน้นเรื่องการทำกำไรที่สูง
- การทดสอบระบบที่ดี
-- หาโอกาสที่จะพลาดให้มาก

TA ส่วนมากเกิดขึ้นมา ตอนตลาด ไม่ค่อยผันผวน
- อย่างมงาย เชื่อว่ามีระบบ ที่ถูกต้อง 100 %

--------------------------------------------------------------------------------------------
จิตวิทยาว่าด้วยการขาดทุน :
Link : https://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0001-cway.html
รูปแบบความผิดพลาด :
Link : http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0002-cway.html
อารมณ์ และการตัดสินสินใจ
Link : http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0003-cway.html
Bias
Link : http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0004-cway-bias.html
Over Confidence ,DisPosition Effect ,Endowment effect
Link : http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0005-cway-over-confidence-disposition.html
Behavioral Economics
Link : http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0006-cway-behavioral-economics.html
คุณภาพของกำไร
Link : http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0007-cway.html

Cway : คุณภาพของกำไร : EP7

สรุปความรู้จากคลิป
Link : คุณภาพของกำไร : https://goo.gl/D3GFMG
--------------------------------------------------------------------------------------------
คุณภาพของกำไร
- เก็งกำไร >> ต้องไส่ใจ สนใจกับคำว่า กำไร
- จุดที่แยกระหว่าง มือสมัครเล่นกับมืออาชีพ
-- มุมมองต่อกำไร
- ในโลกนี้ไม่มีของฟรี >> ไม่มีของที่ได้มาโดยไม่ต้องแลก (หรือเป็นไปได้ยาก)
- มันไม่มีอะไรที่ง่าย หรือได้มาด้วยความรวดเร็ว
- การเป็น trader ต้องอาศัย 2 เรื่อง
-- ทักษะ
--- การคิด การวางแผนต่างๆ
-- องค์ความรู้
- แปลง 2 อย่างออกมาเป็น >> Profit

- Profit ที่ได้มามาก ง่าย เร็ว >> ส่วนใหญ่มาจากโชค หรือดวง >> ถ้ายึดติดกับมัน ระวังเรื่องความโลภ
- เงินที่ออกมา ถ้าเราได้โดยไม่มีการฝึกฝน หรือพัฒนาอย่างยั่งยืน >> เป็นเงินที่เกิดจากโชค
- เงินที่มาจากโชค คือเงินไม่แน่นอน >> เกิดจากความไม่แนนอน >> เกิด Bias (เคยได้ ต้องได้อีกสิ)
>> เกิดความลุ่มหลง หลงผิด>>เกิดหายนะ
- ถ้ามีความโลภเป็น ธงนำ จะทำให้เราละเว้นอะไรบางอย่าง

- Profit ที่ได้จากการฝึกฝน และจากองค์ความรู้ >> จะเกิดเป็น Profit ที่มีคุณภาพ
- กำไรที่มีคุณภาพ
-- เกิดการอยู่รอด >> เติบโต >> คุณภาพ (เกิดความหยั่งยืน)
-- มีความเหมาะสม กับความเสี่ยง >> ถ้าเรารู้ว่า Risk มีขนาดไหน แล้วเรารับมือกับมันได้
- นักเก็งกำไรมืออาชีพ จะมีมุมมองของความเสี่ยงก่อน >> กำไรมาทีหลัง
Ex เห็นเพื่อนเข้าไปเทรด >> อยากได้เงินเหมือนเข้าบ้าง >> ตามมม >> ขาดทุน (ไม่ศึกษาไม่เรียนรู้)
Ex เลขเด็จ >> ทุ้ม >> หมด
- นักเก็งกำไรมืออาชีพ >> จะเข้าไป Bet ความเสี่ยงเป็นเท่าไหร่ >> ความเสี่ยงเป็นเชิงปริมาน
>> ประมานความเสี่ยงได้ >> Risk / Reward
- ถ้ามองแล้ว เห็นว่าไม่คุ้มตีความเป็นตัวเลขไม่ได้ จะไม่เข้าไปยุ้ง เพราะอันตรายเกินไป

- ความแน่นอน
-- แยกระหว่าง โชค กับ ฝีมือ
--- โชคดี ตลาดดี ได้กำไร >> ทำให้รู้สึกว่าตัวเองเก่ง >> เกิดขึ้นแค่บางช่วงเวลา
--- ฝีมือ >> ความแน่นอน (ไม่ไช่ถูกทุกครั้ง) >>ตลาดเป็นอย่างไร >> กำไรได้ >> ทำซ้ำได้
- Trader ที่เก่ง ไม่มีคนที่เทรดได้ 100% (เดาอนาคตไมได้) (ความน่าจะเป็น มีทั้งถูก และผิด)

นักเก็งกำไร ไม่ใช่นักพนัน
- นักพนัน >> เสี่ยง เล่นไปตามอารมณ์ >> ไส่เยอะเพราะความโลภ >> มองแต่ฝั่งได้ ฝั่งกำไร
- นักเก็งกำไร >> กว่าจะไส่ Order แต่ละครั้ง ต้องคิดว่าถ้าขาดทุนจะทำอย่างไร ?

- ตลาด / ราคา >> ควบคุมไม่ได้
- สิ่งที่เราควบคุมได้คือ ความเสี่ยง (เสี่ยงสูงเทรดน้อย หรือไม่เทรด) >> มืออาชีพมองเรื่องนี้ก่อน

คุณภาพของกำไร
- ความเสี่ยงที่เหมาะสม (ฐานของเงินที่มี)
-- เงินน้อย อย่าเสี่ยงมาก (ผู้แพ้ 90%)
--- คนส่วนใหญ่ เงินน้อย อยากรวย >> ยื่มมาเทรด ?
-- มีเงินน้อย ต้องเสี่ยงให้น้อย (ผู้ชนะ)
-- เข้าในจุดที่มั่นใจ ไม่มั่นใจไม่เทรด

นักเก็งกำไรมืออาชีพ (ต้องใช้วินัย)
- ฝึกฝน >> จากฝึกทำให้เรามีประสบการณ์ >> ประสบการณ์ทำให้ >> เราตัดสินใจได้ดี
- หาความรู้ >> เลือกไช้เครื่องมือ >> กลยุทธ์ เหมาะกับสถาณการณ์

กำไร
- พยายามอย่ามองเป็นตัวเงิน
- มองเป็น score (Pip ,Point ,%) >> ทำให้เห็น  Performant
- จะรู้ว่า เรามี Performant มากแค่ไหน
- เราจะรู้ ว่าเงินต้น มีความเสี่ยงเท่าไหร่
- มืออาชีพ มอง Performant >> ทำ Performant ต่อเนื่อง
- แยกระหว่างตัวเรา กับสภาวะตลาด

- พอมี Performantที่ต่อเนื่อง >> ต่อไปคือการจัดการความเสี่ยง ใช้ leverage(การควบคุมความเสี่ยง)
>> leverage เยอะ ความเสี่ยวเยอะตาม
- แต่ต้องทำให้ได้แน่นอนก่อน

--------------------------------------------------------------------------------------------
จิตวิทยาว่าด้วยการขาดทุน :
Link : https://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0001-cway.html
รูปแบบความผิดพลาด :
Link : http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0002-cway.html
อารมณ์ และการตัดสินสินใจ
Link : http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0003-cway.html
Bias
Link : http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0004-cway-bias.html
Over Confidence ,DisPosition Effect ,Endowment effect
Link : http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0005-cway-over-confidence-disposition.html
Behavioral Economics
Link : http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0006-cway-behavioral-economics.html

Cway : Behavioral Economics : EP6

สรุปความรู้จากคลิป
Link : Behavioral Economics : https://goo.gl/NP9ftE
--------------------------------------------------------------------------------------------
Behavioral Economics (เศรษฐศาสตร์ เชิงพฤติกรรม)
- แนวคิด ของการนำเรื่องที่เกี่ยวของกับอารมณ์ จิตวิทยา พื้นหลังของคน >> ที่มีผลต่อการเชื่อมโยงกับ กระบวนการตัดสินใจ
- ส่วนมากการวิจัย จะเป็นในเรื่องของ การตัดสินใจในการซื้อของ (การตัดสินใจโดยที่มีผลกับเงิน)
- ตั้งบนสมมุติฐาน คือ ความสมบูรณ์แบบ
- เศรษฐศาสตร์ แบบเดิมตั้งอยู่บน ความสมบูรณ์แบบ ในด้านการรับรู้ การตัดสินใจ และมองเท่าเทียม
- แต่ปัจจุบันวิจัยใหม่ ตั้งบนสมมุติฐานใหม่ >> มองมนุษย์ มีอคติ มีอารมณ์ มีปัจจัยหลายๆอย่าง ต่ออการตัดสินใจ
>> และการตัดสินใจแต่ละครั้งมองในมุมของผลประโยชน์

Ex - เหตุ และผลของมนุษย์ >> เทียบระหว่างบุคคลที่การศึกษาสูง กับคนรรมดา
>> แสดงให้เห็นปัจจัยหลายๆอย่าง ที่แตกต่างมากกว่าการศึกษา (บ่งบอกว่ามันไม่มีความสมบูรณ์)

- ตลาดหุ้นหลายๆ คนมองว่ามีประสิทธิภาพ
-- เราเชื่อว่าทุกคน มีความเหตุผล >> ความเป็นจริง >> การตัดสินใจของมนุษย์ มีปัจจัยหลายอย่าง (อารมณ์ ความรู้สึก)
-- หลายคนมองเห็นช่องโหว่จากตรงนี้ >> นำมาสร้างธรุกิจ

- ตลาดหุ้น หรือเก็งกำไร เรามักมองว่ามันมีประสิทธิภาพ มองว่ามีความเป็นเหตุเป็นผล
--

Ex ถนน มีป้ายจำกัดความเร็ว ทั้งๆที่เราไม่ค่อยสนใจ แต่ๆๆ
>> เห็นป้ายลดความเร็ว 60 >> เรารีบเราก็ไม่สนใจ >> ขับเร็วเกินกำหนด
>> เห็นป้ายลดความเร็ว 60 >> เปรียบเหมือนการเตือน >> มันมีมากกว่ากฏหมาย >> อุบัติเหตุ เสียชีวิต
>> เราไม่ค่อยสนใจเพราะว่า มันเป็นผลเชิงลบ
- ถ้ามีป้าย + ตำรวจ >> จะมีเหตุผลมากขึ้น >> เราจะกลัวเสียค่าปรับ มากกว่าการที่เราจะเกิดอุบัติเหตุ

- มนุษย์มี ขีดจำกัดในการรับรู้ข้อมูล
-- ถ้าเราอยู่ในสภาวะที่เราไม่ปกติ (มีอารมณ์)
-- กระบวนการเหล่านี้ จะเข้ามา แทรกในการตัดสินใจ
--- สถาณการณ์ไม่ปกติ
---- อารมณ์ บีบคั้น กดดัน
---- เวลา จำกัด (ตัดสินใจไม่ทัน) >> ราคาเปลี่ยนแปลงไป
---- ผลประโยชน์ >> กำไรขาดทุน >> Ex เทรด Demo ไม่มีผลต่อการกำไรขาดทุน
--- การชี้นำ หรือการโน้มน้าว
---- เกิดจากสิ่งกระตุ้น >> Ex สื่อ กูรู ข่าว บทวิเคราะห์
---- สังคม บุคคล >> บุคคลที่ 3 >> เกิดการคล้อยตาม
Ex ขาดทุน คนเดียว >> ทุกข์หนัก ,ขาดทุนหลายคน ทุกข์เบา >> ละเลยความทุกข์ >> โทษคนอื่น

การตัดสินใจด้วยตรรกะ (มนุษย์ ต้องมีเหตุผล)
- ตรรกะ บางครั้งถูกครอบคลอง ครอบงำได้เหมือนกัน >> มนุษย์มักยึดติดกับตัวเลขมาก
>> ตัวเลขส่งผลถึงการเปรียบเทียบ >> ทำให้รู้สึกร่วมได้ง่าย (จับต้องได้)
Ex หมูกระทะ ราคาติดหน้าร้าน เป็น
Set A 500 บาท ฟรีอาหารกลางวัน
Set B 800 บาท ฟรีมื้อเย็น
Set C 1000 บาท ฟรีทั้งวัน
>> มันก่อให้เราเกิดการเปรียบเทียบ >> คนส่วนใหญ่เลือก C เพราะสามารถกินได้ทั้งวัน
>> ถ้าเรามาคิดจริงๆ (คุ่มค่า) ประโยชน์สูงสุด >> อาจจะไม่ใช่การชำระที่ 1000 บาท เพราะ
>> เราอาจไม่ได้ชอบ ไม่มีเวลากินทั้ง 3 มื้อ >> ความเป็นจริง เราไม่จำเป็นต้องเลือก C เสมอไป
>> เราควรเลือกอะไรที่ คุ้มค่ากับเรามากกว่า (ต้องดูว่าอะไรที่เหมาะสมกับเรา หรือไม่)
* การตัดสินใจของเราความจริง เราไม่ควรเอาแต่ตัวเลขมาตัดสินใจ เราควรใช้หลายๆปัจจัยมาช่วย

- ขีดจำกัดในการควบคุม อารมณ์ ตัวเอง
-- ส่วนใหญ่ถูกอิงพื้นฐาน มาตราฐานในหลายๆด้าน
-- การศึกษา ,ฐานนะทางสังคม ,สติปัญญา
- แต่ละคนมีการควบคุม และอารมณ์ แตกต่างกัน >> เป็น Skill
Ex การขับรถ >> ป๊าด ,เบรคกระทันหัน
- ความสามารถ >> ในการควบคุม >> เป็นความสามารถที่ทุกคนต้องฝึก >> Bias >> การตัดสินใจ
- การตอบสนองต่อารมณ์ >> พฤติกรรม >> พฤติกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำๆ จะเกิดเป็น นิสัย
- ในโลกความจริง
- ถ้าเราควบคุมอารมณ์ได้
- เราจะเกิดความสามารถในด้านต่างๆ  มาก (ได้เปรียบคนอื่น)
Ex ช่วงเวลาดึกๆ ห้าง (ไกล้เวลาปิด) >> เกิดการลดราคา >> เกิดความไม่เป็นเหตุเป็นผล เร่งให้เราตัดสินใจ >> บางทีซื้อมาไม่รู้ว่าซื้อมาทำไม
- ใช่ ช่วงเวลาในการบีบ
- ไม่เกี่ยวกับวุฒิการศึกษา เพราะการสนองต่อารมณ์ สามารถเกิดได้ทุกคน
>> มันขึ้นอยู่กับ Skill ของแต่ละคน

- In The Zone
- ไม่เครียดเกินไป ไม่เคร่งเกินไป
- การตอบสนอง แบบมีสติจะเกิดขึ้น >> ตนองในทางที่ดี

- พฤติกรรมทางสังคม
-- เลือกกลุ่มเพื่อน ,เลือกสังคม  (มนุษย์เป็นสัตว์สังคม) >> มนุษย์ต้องการการยอมรับทางสังคม
--- อยู่กับเพื่อนที่ช่วยกันเราได้
--- อยู่กับเพื่อนที่ไม่ดี อยู่คนเดียวดีกว่า
-- ตัดสินใจ >> ภาวะทางสังคม >> ชักจูง
--- บางทีอาจไม่ดีกับตัวเรา
Ex เพื่อนในกลุ่ม ใช้ Iphone กันหมด บางครั้งเราไม่สามารถไช้มือถือ จีนแดงได้
- การตัดสินใจ ถ้าอยากจะไห้ดี ต้องตัดสินใจที่เหมาะกับตัวเราได้
- เราไม่สามารถที่จะ ตัดสินใจบางอย่าง แล้วให้ทุกคนพึงพอใจได้
- การตัดสินใจเราต้องตัดสินใจ ให้เราได้ผลประโยชน์มากที่สุด
- แนวคิด จำนวนมาก ตัดสินใจจากผลประโยชน์สูงสุดของตัวเรา

--------------------------------------------------------------------------------------------
จิตวิทยาว่าด้วยการขาดทุน :
Link : https://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0001-cway.html
รูปแบบความผิดพลาด :
Link : http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0002-cway.html
อารมณ์ และการตัดสินสินใจ
Link : http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0003-cway.html
Bias
Link : http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0004-cway-bias.html
Over Confidence ,DisPosition Effect ,Endowment effect
Link : http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0005-cway-over-confidence-disposition.html

Cway : Over Confidence ,DisPosition Effect ,Endowment effect : EP5

สรุปความรู้จากคลิป
Link : Over Confidence : https://goo.gl/NgmaF3
Link : DisPosition Effect :https://goo.gl/nieUHW
Link : Endowment effect : https://goo.gl/NPpyCw
--------------------------------------------------------------------------------------------
Over Confidence ความมั่นใตสุดโต่ง
- เจอบ่อยใน Trader ที่อยู่ในตลาดมาระยะหนึ่ง
- เกิดความมั่นใจที่มากเกินไป >> ทำให้เกิด Eco
- ยึดติดกับองค์ความรู้ชุดใดชุดหนึ่งมากเกินไป
- เมื่อมั่นใจสุดโต่งมากเกินไป >> หากพลาดจะส่งผลที่ร้ายแรง
- มั่นใจมากเกินไป >> นำไปสู่ความ "ประมาท"
- ต้องรู้จักวางแผน และไม่ประมาท >> ยอมรับความผิดพลาด

- ทางที่จะพัฒนาทางนี้ได้คือ การฝึกสมธิ ปล่อยวางตัวตน
- ทำความเข้าใจความน่าจะเป็น >> เข้าใจเรื่องความไม่แน่นอน
- รู้จักปล่อยวาง ตระหนักในความเสี่ยง จากการไม่รู้อนาคต
- มีที่ว่างให้ความผิดพลาด เพื่อเกิดการเรียนรู้ และพัฒนาตนเองต่อไป
- การไม่รู้อนาคต คือ ความเสี่ยง

- ในตลาดมีผู้เล่นหลายฝ่าย (จำนวนมาก) >> มีการต่อสู้กัน >> เราไม่สามารถไปคาดเดาผลลัพธ์

----------------------------------------------
DisPosition Effect
- มนุษย์ทุกคนต้องการความสมบูรณ์ (มั่นคง และปลอดถัย) >> ปลอดถัยทางอารมณ์
-- รีบขายเอากำไร แต่ยินดีเก็บสะสมขาดทุน
-- สุขเมื่อกำไร ทุกข์เมื่อขาดทุน (รีบขายเมื่อกราฟลง)
-- เก็บหุ้นเน่า เพื่อความสบายใจ
- เสพติดกับผลกำไร ขาดทุนมากเกินไป (โชว์พอร์ต) (การโชว์เป็นเรื่องปกติกับมนุษย์ (ปิติยินดี))
-- การโชว์ที่บ่อย จะเป็นการเพิ่มการเสพติดกำไร >> มีกำไร ก็อยากได้มากกว่าเดิมอีก >> ทำให้เรามีความรู้สึกที่จะทำให้เราได้มากขึ้นเรื่อย
>> ส่งผลให้เราไม่สามารถทำตามแผนได้ (เล่นนอกแผน)
-- การยึดติดกำไร ทำให้ความเสียหายหนักได้ >> ไม่ยอมรับการขาดทุน >> ไม่ขายไม่ขาดทุน

- ธรรมชาติของการเกรงกำไร มีทั้งถูกผิด (มีกำไร และขาดทุน)

สิ่งที่จะเอาชนะ
- ฝึกให้เรามีวินัยในระบบ >> ฝึกวินัยในระบบ
- ต้องมีการวางแผน >> จำกัดการขาดทุนล่วงหน้า
- คิดภาพรวม มองเป้าหมายระยะยาว (สรุปผลเป็นปี) >> ลดการโชว์กำไร ครั้ง สองครั้ง

----------------------------------------------
Endowment effect
- เกิดขึ้นกับทุกคนไม่ยาก (มนุษย์ เรียนรู้ และสร้างประสบการณืขึ้นมาเองจาก อดีต) (ลองผิดลองถูก)
Ex การขี่จักรยาน >> ทำแบบนี้ล้ม เจ็บ >> คราวหลังไม่ทำ
Ex บางคนเทรด แล้วขาดทุนหลายครั้ง (10 ครั้ง 5 ครั้ง) >> ทุกครั้งที่ขาดทุน คือ เสียเงิน >> เจ็บปวด
>> ส่งผลให้ไม่ใช้ Stop loss >> เพราะมันขาดทุน
- ความผิดพลาดในบางก่อให้เกิดความหลอน (เข็ด)
- จิตวิทยา อาจมองเป็นเรื่องธรรมดา >> แต่มันเป็นเรื่องไม่ธรรมดา เมื่อมีควาผมิดปกติ
- มนุษย์ มักมองตัวเองไม่เห็น เมื่อตัวเองกำลังมีความสุข >> แต่จะเริ่มมองเห็นเมื่อเกิดความทุกข์
>> จะสัมผัสเมื่อเกิดความผิดหวังมากๆ >> เกิดอคติ

- ในเกมส์การเกรงกำไร ถ้าไม่สามารถที่จะ Flow กับมันไม่ได้ เรามีความฝืนจาก อคติ หรือ จากสภาวะทางจิตใจ เรามักจะๆไปไม่รอด
>> เกิดความลังเล >> เกิดการชะงัก >> ลงทุนนอกแผน
- การเป็น Trader การฝึกฝนเป็นเรื่องสำคัญ >> ทุ่มเทเวลา ทุ้มเทความตั้งใจ >> การตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพ

ปัจจัยแฝงใน การตัดสินใจ
- Time (มีเวลาจำกัด)
-- เร็ว แม่น ดี >> สร้างขึ้นได้
-- ความกดดันทางอารมณ์
-- กำไร /ขาดทุน

--------------------------------------------------------------------------------------------
จิตวิทยาว่าด้วยการขาดทุน :
Link : https://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0001-cway.html
รูปแบบความผิดพลาด :
Link : http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0002-cway.html
อารมณ์ และการตัดสินสินใจ
Link : http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0003-cway.html
Bias
Link : http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0004-cway-bias.html

Cway : Bias : EP4

สรุปความรู้จากคลิป
Link : https://goo.gl/BP1yKy

--------------------------------------------------------------------------------------------
Bias อคติ
- สภาวะทางอารมณ์
- จิตใจมีผลต่อการ ตัดสินใจในการเทรด >> เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องเจอ
- บ่งเกิดของอวิชา หรือความไม่รู้จริง >> ชุดความรู้บางอย่างเป็นจริงในบางกรณี
- ทุกคนมีอคติ เพราะทุกคนมีความเชื่อ
- แต่ละบุคคลมี Bias ที่แตกต่างกัน (สภาะแวดล้อมที่ไม่เหมือนกัน) ,แต่ละคนมีความคิดที่แตกต่างกันไป
- อคติมีผลต่อความผิดพลาด >> เพราะความคาดเคลื่อน
>> เข้ามากลายเป็นส่วนที่ลดทอนความคิด ตรรกะ
- บางทีเรามองไม่เห็นตัวเรา >> ต้องมีกระบวนการเก็บข้อมูลตัวเอง >> เพื่อให้ทราบ ตัวของเรา
- มองไม่เห็นตัวเอง >> เปลี่ยนเครื่องมือ ไปเรื่อยๆ >> จนไม่รู้ว่าปัญหาที่แท้จริงอยู่ตรงไหน
>> บางทีมันอยู่ที่ตัวเราล้วนๆ
- บางคนเก่ง (ความสำเร็จในโลก) >> มีความเชื่อว่า นำองค์ความรู้ตรงนั้นมาใช้ในการเกรงกำไร
>> ผิดมานักต่อนัก >> มันไม่สามารถนำมาใช้ได้ทั้งหมด
- เก่งแค่ไหน ก็ต้องมาฝึกทักษะในการตัดสินใจ
- การตัดสินใจ เราต้องอยู่บนหลักที่เป็นความจริง >> พยายามอย่าเอา Bias มายุ้ง
- Bias มีข้อจำกัด ถ้าข้ามไมได้ สุดท้ายเราจะกลับมาที่เดิม
- อยากเป็น trader ที่เก่งต้องก้าวข้าม Bias
- Bias ถ้ามีมากเกินไป เป็นเรื่องที่ไม่ดี เพราะถ้าล้ม ล้มหนัก
Ex มีคนบางกลุ่มที่มี Bias สูงๆ และนำไปตัดสินคนอื่น  >> สุดท้ายถ้าคนพวกนี้เจอข้อจำกัด
>> ก็จะเป็นตัวตัดสินเอง (บางทีคนพวกนี้ก็อ้างไปเรื่อยๆ)
- เราจงยอมรับ Bias ของตนเอง เปิดใจเรียนรู้ ตั้งคำถาม ทำการทดลอง >> เข้าใจ รู้แจ้ง
>> เอาชนะ อคติตนเองได้
Ex เดา 6 ครั้ง ถูก 1 ครั้ง สามารถนำ 1 ครั้งที่ถูกไปนำเสนอได้ >> อันตรายส่งผลถึงคนที่ตาม
(คนที่ตามก็มองแต่เรื่องที่ถูก เรื่องที่ผิดไม่ดู)

- ถ้าเรามี อคติ แล้วเราไม่ยอมรับ ส่วนใหญ่จะเกิดผลที่ตามมา >> Ex กอดหุ้นเน่า

องค์ความรู้เมื่อได้รับมาต้องนำมาทดลอง
- องค์ความรู้บางอย่างสามารถใช้ได้จริง และทุกกรณี (หรือกรณีไหนบ้างไช้ไม่ได้)
- องค์ความรู้บางอย่าง ใช้ได้บางกรณี เราต้องรู้ข้อจำกัด
>> บางทีเกิดความเชื่อที่มีอคติ จะทำให้เรามองไม่เห็น
- การทำลายอคติ ต้องเกิดจากความรู้แจ้ง

- แยก 2 เรื่องออกจากกัน
-- องค์ความรู้
--  กระบวนการตัดสินใจ (รับมือกับ สภาวะต่างๆของตนเอง)

Bias มุมมอง และการตีความ
3 สิ่งที่ต้องระวัง
- เราเลือกที่จะรับรู้บาง อย่าง  เลือกข้อมูลที่เป็น + อย่างเดียว (มองว่าทองคำต้องขึ้น อย่างเดียว)
- จากการเลือกตีความ ตามเชื่อ รับฟังจากกลุ่มคนที่เชื่อเหมือนเรา (เรามักจับกลุ่มกับคนที่คล้ายๆ เรา) >> ไม่เกิดกระบวนการแลกเปลี่ยน
>> ไม่รับฟังความคิดที่แตกต่าง >> เมื่อความจริงเปิดเผย >> เราจะเจ็บเอง
--  ถ้าเราถกเถียง โดยไม่ใช้อารมณ์ >> เราจะเกิดองค์ความรู้
- นำมาซึ่งการยึดติด >> เป็นสิ่งที่อันตราย
-- ทำให้เราไม่สามารถก้าวข้าม >> อารมณ์ ความรู้สึกเดิมๆ

--------------------------------------------------------------------------------------------
จิตวิทยาว่าด้วยการขาดทุน :
Link : https://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0001-cway.html
รูปแบบความผิดพลาด :
Link : http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0002-cway.html
อารมณ์ และการตัดสินสินใจ
Link : http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0003-cway.html

Cway : อารมณ์ และการตัดสินสินใจ : EP3

สรุปความรู้จากคลิป
Link : https://goo.gl/GZ39qv

--------------------------------------------------------------------------------------------
อารมณ์ และการตัดสินสินใจ
- หัวใจของ Trader ไม่ไช้การเดาราคา
- Trader ที่เก่ง เขาตัดสินใจได้มีประสิทธิภาพแน่นอน เที่ยงตรง (ปราศจากอคติ)
- การเทรดคือการแข่งกับเวลา (ตัดสินใจช้า >> ราคาไปแล้ว) >> ซื้อช้า ซื้อดอย
(บ่งบอกถึงความไม่แน่นอน)
Ex ยิงธนู ต้องยิงครั้งเดียว และยิงให้โดน เข้าเป้า(ต้องฝึกฝน)
- ปัญหาของ การตัดสินใจมนุษย์ มากจาก >> อารมณ์ >> และอารมณ์มาจากจิตใจ
- แต่การตัดสินใจของเรามาจากสมอง (ใช้ตรรกะ)
- สภาวะทางอารมณ์ มีผลต่อการตัดสินใจ
- ต้องจัดการอารมณ์ ไม่ให้มีผลกระทบต่อการตัดสินใจ
- บางครั้งเราเทรดตามระบบ ที่ดีอยู่แล้ว แต่เราใช้อารมณ์มาร่วมในการตัดสินใจ >> ตัดสินใจผิดพลาด
- บางครั้ง ถ้าเดินตามแผนเรารู้ว่าเรารับมือความผิดพลาดยังไง 
>> แต่ถ้าเราใช้อารมณ์ร่วม จึงเดินหนีแผน
- ข่าวต่างๆ มีผลต่ออารมณ์ >> ปรุงแต่งทางอารมณ์
- Trader เจอสิ่งเล้าทุกวัน
- ถ้าเราควบคุมอารมณ์ได้ >> จะเกิดการเจาะจง >> ตัดสินใจได้ดีขึ้น

อารมณ์ต่างๆ เช่น
-โมหะ
-- ความหลง ความเขลา ไม่รู้จริง >> เชื่อตามคนอื่น
- ความโลภ
-- ความไม่พอ อยากได้เพิ่ม
-- อยากได้เกินความรู้ เกินความสามารถที่มี
-- นำไปซึ่งความประมาท
- ความกลัว
-- ติดกับ ผลในอดีต
-- กลัวผิดหวัง กลัวขาดทุน กลัวเจ็บปวด (ไม่กล้าซื้อไม่กล้าตัดสินใจ)
- ความโกรธ โทสะ
-- ผิดหวัง ไมได้ดั้งใจ >> ส่งผลต่อารมณ์
-- ผิดหวังในตัวเอง ขาดทุนหนัก
Ex ถั่วเฉลี่ยมากไป >> ออกนอกแผน
-- ต้องรู้จักการเบาตัวเอง ไม่ไช่เอาน้ำมันสาดไส่ไฟ

- มือสมัครเล่นทั่วไป ไม่ค่อยมีใครสนใจในการจัดการอารมณ์ตัวเอง
- ส่วนมากจะไปกองในส่วนของ TA
- TA แค่เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ
- บางคนใช้เครื่องมือ เยอะมาก แต่ตัดสินใจไม่ดี อาจสู้ บางคนใช้ เครื่องมือชนิดเดียวแต่ตัดสินใจดีได้

--------------------------------------------------------------------------------------------
จิตวิทยาว่าด้วยการขาดทุน :
Link : https://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0001-cway.html
รูปแบบความผิดพลาด :
Link : http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0002-cway.html

KZM : Killer Zone Model : EP8 [value-visions]

สรุปความรู้ที่จากการอ่าน Blog : http://value-visions.blogspot.com/

-------------------------------------------------------------------------------------------
0098 : KZM ฉบับจับมือทำ
- เพื่อนโทรถามว่า KZM ทำอย่างไร ?

เริ่มต้น
- กำหนดงบประมาณ >> Ex 100,000 บาท
- เลือก Product >> Ex T-dex (สมมุติปัจจุบัน 10 บาท/หุ้น)
- คำนวน ไม้ >> Ex 100,000 บาท / 10 บาท = 100 ไม้
- แบ่งเป็น 4 กอง (A ,B ,C ,D) >> ได้กองละ 25 ไม้
- จัดการกรอบการเทรด >> Ex กรอบ 9 - 11
- จัด Zone A ให้ได้ 25 ไม้
- คำนวนณ จุดขายกอง A ให้ได้ 20 ช่อง
- ถ้าขายกองไหน แล้วราคากลับ ให้ซื้ออีกครั้ง
- ซื้อราคา Zone ปัจจุบัน จนถึง Zone ข้างบน >> Ex ราคา 10 บาท ซื้อจนถึง 11 บาทเลย
>> เพราะได้ต้นทุน 10 บาท (ขายไปเรื่อยๆ) >> (การซื้อแบบนี้เรียก การซื้อรวบโซน)
>> เราจะได้กำไรมากขึ้นหากราคาขึ้น

- กอง B เข้า พร้อม กอง A ในจำนวนที่เท่ากัน
- ขาย กอง B ทุกๆ 10 ช่อง

- ขายกอง A พร้อมรับกลับมา (หากราคาลง) >> อย่าลืมซื้อพร้อมกอง B (ทำพร้อมๆกัน)
>> สร้าง Cash Flow

- หลังจากสร้าง Cash Flow แล้ว >> ให้ขยาย พื้นที่
- ถ้าคุมพื้นที่ได้ครบทุกช่องแล้ว >> ให้ขยาย กองกำลังต่อ

*เทรดในงบประมาณที่มี (อย่า Over Trade [OVT]) >> จะทำให่ขายสภาพคล่อง

-------------------------------------------------------------------------------------------
0110 : Basic KZM ตอน Cash Flow Management
- Cash Flow ต้องมีการ Generate >> พอร์ตเติบโตอย่างมั่นคง
- แล้วจะจัดการ Cash Flow ?

แบ่งเป็น 2 ส่วน
- Cash Flow จาก Product หลัก (Tdex) >> สะสมพื้นที่ และกองกำลัง >> ไป level 3 ,4

- Cash Flow ที่ได้จาก Product อื่น (จากETF ตัวอื่น ,หุ้น) นำมาแบ่งเป็น 3 ส่วน
-- ส่วนแรกขยายโซนตัวเอง >> สร้าง Cash Flow ในอนาคต
หรือ นำไปฝัง Virus ในหุ้นตัวใหม่ที่เราสนใจ >> ป้องกันความเสี่ยงเรื่องหุ้นนิ่งไม่ไปไหน
-- ส่งเข้า Tdex เพื่อขยาย Zone >> ยึดพื้นที่ สร้างกองกำลัง
-- นำไป Bet Option >> Bet ถูกกำไร ,Bet ผิดไม่เป็นไรเพราะกำไร >> Bet ตาม Signal สัญญาณ C


-------------------------------------------------------------------------------------------
0111 : Value Journal 26-01-2013
- Trader ติด Order เยอะ ทำอย่างไร ?
A : จากพี่ต้าน
- ติด Order เยอะ แสดงว่าตอนวางโมเดล มั่นในว่าถูก
- การวางโมเดล เราควรหาทาง ผิดให้มาที่สุด และวางแผนรับมือ (ถ้ามันถูกเราไม่กังวล)
>> การเข้า Position จะเกิดการกระจายตัวมากขึ้น
- การวาง Order สะท้อนความเชื่อมั่นในตัว Trader
- ประวัติศาสตร์สถาบันการเงิน ล้มเพราะ Trader มั่นใจสูงทั้งนั้น (ไม่เคยล้มโดย Trader ขี้กลัว)

-------------------------------------------------------------------------------------------
0118 : Basic KZM ตอน Cash Flow VS Capital Gain
- ผลตอบแทนจากหุ้น มี 2 แบบ
-- ผลตอบแทนจากเงินปันผล
-- ผลตอบแทนจากส่วนต่างราคา
-- ผลตอบแทนอีกอย่างนอกตำรา คือ กระแสเงินสด (Cash Flow)

- Cash Flow
-- Model DSM >> Short Against Port >> รักษา และเพิ่มมูลค่าของเงินสดในมือ
>> สร้าง Cash Flow จากการด้อยค่าของหุ้น
-- Model KZM >> ซื้อถูกขายแพง (กอง A เป็นทัพหลัก , B C D หน่วยรบพิเศษ)
>> B C D ดึงเงินมาช่วยทัพ A >> ทัพ A แข็งแกร่ง >> สร้าง Cash Flow เรื่อยๆ

- Cash Flow ต่างจาก Capital Gain
-- Cash Flow กำไรเป็นตัวเงิน
-- Capital Gain เพิ่มลดตามตลาด >> โอกกาสเกิด Drawdown สูง
- สิ่งที่ต่างกันคือ ไม่ยึดติดกับ Capital Gain แต่ไปมองในแง่ Generate Cash Flow (ระยะยาว)
- เจอความเสี่ยงน้อยกว่า
- หากเรา Generate Cash Flow ได้เรื่อยๆ >> เหมือนต่อสู้ไม่มีพลังหมด
- พอร์ตที่ Capital Gain กับเงินปันผล >> หากลงทุนพลาด >> เงินหาย >> ส่งผลต่อจิตใจ

-------------------------------------------------------------------------------------------
0123 : Basic KZM ตอน It’s just a number!
Q : มีคนถามว่า SET ที่ราคา 1500 จุดน่าลงทุนไหม (ต้นทุนแพง)
A : Model KZM เป็นการแบ่ง MM เป็นหน่วยย่อยอยู่แล้ว
- เมื่อเรากำหนด Zone (วางแผนแล้ว) แต่ละ Zone ก็มีหน้าที่ของมัน
- พี่ต้านเอาคำพูดของ Simon มา Post
"It’s just a number!"
- ถ้าเข้าใจเรื่องของตัวเลข ไม่ว่าราคาเท่าไหร่ มันก็จะ Generate Cash Flow ให้ได้เสมอ

-------------------------------------------------------------------------------------------

KZM : Killer Zone Model : EP7 [value-visions]

สรุปความรู้ที่จากการอ่าน Blog : http://value-visions.blogspot.com/

-------------------------------------------------------------------------------------------
0073 : Basic KZM (สรุปคล้ายๆ)
Link : http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/11/0005-mudleygroup-pantip-kzm-3.html

------------------------------------------------
0077 : Value Visions 16-12-2012
สรุป กอง C คร่าวๆ จาก Pantip
- ถ้ามีเวลาดูจอ >> การเทรดแบบ Positions Trading คือใช้ P / L Indicators
Ex
- ราคาหุ้น 10.00 บาท
- เราจะเก็บหุ้นทุกๆ ช่อง 10.01/100 >> 10.02/100 >> 10.03 ไปเรื่อยๆ
-  ที่ราคา 10.03 ถือว่า Signal เข้าหนักหน่อย (1000 หุ้น) >> 10.04 /1000 หุ้น
>> แบบนี้เรียก Follow Position
- แดงเมื่อไหร่ >> ขายที่ราคาไม้รองสุดท้าย
- 10.50 >> 10.49 >> 10.48 >> ขายที่ 10.48 ได้เลย >> ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณ Sell

------------------------------------------------
0079 : Basic KZM 3
- กอง B เป็นกองหนุนกอง A
- กอง B สร้างกระแสเงินสด >> ทำให้กอง A ต้นทุนถูกลง
- กอง B เปรียบเหมือนทหารมีดสั้น >> รบเร็ว ออกเร็ว

------------------------------------------------
0081 : Value Visions 19-12-2012
- ปัญหาที่พบใน การใช้ Positions Trading แบบ P / L Indicators
- ช่วงที่ตลาด Swing บางทีอาจทำให้เราขายหมูได้ง่าย
- ทางแก้คือ กำหนด Technical Position ให้ห่างมากขึ้น

- KZM ที่ควรทำในแต่ละปีคือ กำหนด Zone Review (กรอบ)
- อาจจะ + กรอบบนไปอีก 30 %
- กรอบล่างเอาแนวรับใหญ่ของปี

------------------------------------------------
0082 : Value Visions 20-12-2012
- สิ่งที่ได้จาก คุณ kfc_m
-- การขยายพอร์ต จะแยกอีก Account หนึ่ง
-- Account ที่ 1 ซื้อลงท้ายด้วยเลข 1 >> กำไรที่ได้จากการเทรด >> ซื้อเพิ่ม (ขยาย)
>>Account ที่ 2 ซื้อลงท้ายด้วยเลข 2 >> สะสมกำไร >> เพิ่ม Account
>> ถ้ามีเลขลงท้ายครบแล้ว >> ขยายจำนวนหุ้นจาก 100 > 200 >> สร้างกระแสเงินสด

------------------------------------------------
0084 : Basic KZM 4
- พี่ Mudley เกริ่นว่า KZM มี 5 Level
-- Level 1 : Zone Trading เทรดตามโซน >> สะสมทุกช่อง
-- Level 2 : Virus Trading >> แบ่งกำไรจาก Level 1 >> ซื้อหุ้น >> เทรดตาม Zone
>> ดึงกระแสเงินสดเข้ากระเป๋า >> (หุ้นพื้นฐาน หรือปั้นก็ได้ แต่บริษัทต้องไม่เจ้งง่าย)
-- Level 3 : TDEX & Option เทรด TDEX คู่กับ Option >> สร้างกระแสเงินสดทั้ง 2 ทาง
-- Level 4 : ลุยตลาด Future >> ยังไม่เคยพูดถึง
-- Level 5 : บุกตลาด ตปท. >> ยังไม่เคยพูดถึง

- 5 Level เริ่มจาก Level 1
- Level 1 >> Base Line (Skill ,mental ,money management )
- Level 1 >> สร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ
Ex เราพลาด Level 4 >> แต่ไม่กระทบพอร์ต เพราะเป็นกำไรจาก level 1

------------------------------------------------
0086 : Value Visions 25-12-2012
- ปัญหาที่พบสำหรับ KZM Trader >> บางทีนิ่ง สร้าง Cash Flow ไม่ได้

- หุ้นหลุด Zone บนวิธีแก้คือ
-- เอา C , D หรือ เงินสดมาจัด A , B ใหม่
- หุ้นหลุด Zone ล่างวิธีแก้คือ
-- เอา C , D มาเล่นเป็น Zone Extra (Super Sub)

- ช่วงแรกที่สร้าง Cash Flow ได้น้อย เพราะพลังการทบต้นยังไม่แสดง

------------------------------------------------
0088 : Value Visions 27-12-2012
- ถ้าเราทำกำไร จากกอง A ติดๆกัน >> ตลาดกำลังบอก Up Trend
- KZM โตเร็วโตช้า >> วัดกันที่ ใครนำ C ,D มาใช้ได้ดีกว่า (พัฒนาสกิวของเราด้วย)

------------------------------------------------
0097 : Basic KZM 5
- พูดถึง กอง C ,D (หน่วยรบพิเศษ ใช้จู่โจมแบบ กองโจร)

- A ,B เปรียบเหมือนศาสตร์ Money Manangment
- C , D เข้าออก ตาม Buy - Sell Signal
- D เข้าพร้อม C >> C , D ไม่จำกัดว่าเข้าใช้เทคนิคอะไร (เพราะแบ่งเป็น Lot เล็กแล้ว)
- สัญญาณ มาแต่ละแบบ มาไม่พร้อมกัน
- การเข้าทุกครั้ง ต้องจดไว้
-- เข้า Timeframe อะไร ออกเมื่อไหร่
(KZM ไม่มี Cut Loss)

- กอง C , D ค่อนข้างมีอิสระในการเทรด
*พอร์ตโตเร็ว โตช้า อยู่ที่ใครใช้กอง C ,D มีประสิทธิภาพมากกว่ากัน
- ถ้าสร้าง C , D ได้บ่อยๆ A , B จะแข็งแกร่งตาม

- C , D สามารถนำมาเป็น Zone Extra
- กรณีที่หุ้นลงแรงๆ (หลุดกรอบ A)
- สามารถใช้ C ,D มาแทนเป็น A ,B ได้
- ต้องกำหนดให้ดี เพราะ C , D เป็นเหมือนท่าไม้ตายของเรา (หวังผล ไม่เทรดอย่ายิงทิ้งขว้าง)

------------------------------------------------

Cway : รูปแบบความผิดพลาด : EP2

สรุปความรู้จากคลิป
Link : https://goo.gl/v9rzpe

--------------------------------------------------------------------------------------------
ความผิดพลาดของผู้แพ้
- ความผิดพลาด >> ทำให้เราเกิดการเรียนรู้ได้เสมอ
- ถ้าเราเข้าใจรูปแบบ >> สามารถหลีกเลี่ยง >> พัฒนาให้ดีขึ้นได้
- บางครั้ง เราฟังคนอื่นพูด เราจะไม่รู้หลอกว่าจริงหรือเปล่า ? >> ลงมือทำ >> ผ่านประสบการณ์ตรง
>> เข้าใจได้ง่าย
- ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่ต้องเจอทั่วไป
- คนที่เข้ามาในตลาดเก็งกำไร ทุกคนต้องเริ่มจาก 0
- เข้ามาครั้งแรก ต้องเปิดใจรับเลย >> อย่าหาข้ออ้าง >> สุดท้ายเราจะไม่เก่ง
- ถ้าเราเปิดอกรับความผิดพลาด >> เราจะเรียนรู้ได้เร็ว
- ถ้าเราเข้าใจมัน >> เราจะสังเคราะห์ >> เกิดการเรียนรู้ >> เป็นองค์ความรู้
- มนุษย์ >> จะมีระบบป้องกันตัวเอง ถ้าเราเรียนรู้
Ex ปั้นจักรยาน >> ล้ม >> เรียนรู้ >> ขี่เป็น
- บางครั้งเราต้องเปิดโอกาส ให้เราเกิดความผิดพลาด >> เพื่อให้ตัวเราเกิดการเรียนรู้
Ex เงิน 100000 บาท เทรดครั้งเดียว , เงิน 100000 แบ่งเป็นหลายกอง
- การเก็งกำไร เป็น Long shot >> เกมส์ระยะยาว (ต้องรอดในตลาดก่อน)
- ถ้าเราเสี่ยงไป เสี่ยงมา ไม่ต่างกับนักพนัน (ความไม่แน่นอน)
- นักลงทุนต้องการการเติบโตแบบ ยั่งยืน
- 1 - 3 ปีแรกอย่าหวังว่าจะได้กำไรจากตลาด (เอาตัวเองให้รอดก่อน) แข่งกับคนหลายกลุ่ม
- มือใหม่ เสียเงิน ได้ประสบการณ์ >> มือเก่าได้เงิน เพราะมีประสบการณ์มากกว่า
- มือใหม่ บริหารความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสการขาดทุน (ถูก 50 ผิด 50)
>> ผิด 50 ครั้ง จะทำให้เราได้ประสบการณ์ >> เกิดรูปแบบความผิดพลาด
>> ตกผลึกความผิดพลาด >> เรียนรู้จากมัน
- บางทีเรายึดติดกับบางอย่างมากเกินไป เช่นคิดว่าเราถูก >> แต่มันถูกในบางกรณี
>> ถ้าผิดขึ้นมาจะเสียเงินเยอะ
- กำไรระยะสั่น ไม่ได้วัดอะไรเลย >> คิดกำไรเป็นปีปี
- คนเก่ง เขาก็ผิดพลาด >> แต่เขากลับมาเร็ว (ลุกเร็ว)

- เครื่องมือที่ช่วยให้เราเรียนรู้ความผิดพลาดได้ดี คือ Trader Diary
- Trader Diary สามารถทำให้เราเห็น 2 อย่าง
-- จุดอ่อน / ข้อจำกัด
-- จุดเด่น >> เราจะรู้จุดแข็งของเรา >> พัฒนาการเทรดให้เหมาะกับเรา
- การฝึกฝนจะเป็นตัวชี้วัดว่า ใครเป็นผู้ชนะ ใครเป็นผู้แพ้
- ประสบการณที่ได้ เป็นประสบการณ์ตรง >> ใครก็ไม่สามารถสอนเราได้

ความผิดพลาด หลักๆ
- ขายหมู ซื้อควาย
-- รีบขาย เพราะกลัวกำไรน้อย พอขาย ราคาขึ้น >> ซื้อควาย
-- สามารถจัดการได้โดยใช้ระบบ >> เทรดตามแผน ตามสัญญาณ
- ติดดอยคอยรัก
-- การติดดอยเป็นเรื่องปกติ
-- ต้องมีแผนรับมือ >> ไม่งั้นแย่
- หุ้นที่ว่าดีเราซื้อตาม
-- เกิดจากการที่เราขาดระบบ ขาดแผน
-- ปัจจุบันอันตรายมาก (Line Facebook)
-- จริงบ้างไม่จริงบ้าง (วงในบ้าง ,คนนั้นคนนี้)
-- มีผลต่อการตัดสินใจ
- ถูกกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว (มั้ง)
-- ลงมาแล้ว 2 วัน ลงมาแล้ว 20%
-- ส่งผลให้เราไม่รอสัญญาณ
-- ใช้มือลับมีด
- ซื้อถั่วขาลง
-- อยากทำให้การขาดทุนลดลง >> เพื่อความสบายใจ
-- พอร์ตรับการขาดทุนไม่ไหว >> พอร์ตพัง

* พยายามใช้ความผิดพลาดมาสอนเรา ให้เป็นครู >> เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก

--------------------------------------------------------------------------------------------
จิตวิทยาว่าด้วยการขาดทุน :
Link : https://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0001-cway.html

Cway : จิตวิทยาว่าด้วยการขาดทุน : EP1

สรุปความรู้จากคลิป
Link : https://goo.gl/RP2a3q

--------------------------------------------------------------------------------------------
จิตวิทยาว่าด้วยการขาดทุน
- ไม่ว่าเราจะใช้เครื่องมือวิเคราห์ยากแค่ไหน >> ถ้าขาดสภาวะ(กรอบ การยึดติด) ทางจิตใจ >>
ส่งผลต่อการตัดสินใจ
- แนะนำ อยากเทรดให้มีผลงานที่ดี >> แนะนำฝึกด้านการตัดสินใจ
- Basic เปรียบเหมือนกีฬากอล์ฟ >> เกมส์ที่แข่งขันกับตัวเอง (การทำให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด)
>> บางครั้งความผิดพลาดเกิดจากจิตใจของเรา (คะแนนไล่ตาม) >> บางคนไม่ดังแต่เขาทำตัวเอง
พลาดน้อย >> จึงได้ผลมาดี
- การขาดทุนเป็นสิ่งสำคัญ >> การขาดทุนของ Trader ส่วนใหญ่มาจากการผิดพลาด
- เราไม่จำเป็นต้องทำอะไรที่ยาก >> บางอย่างเราทำอะไรที่ Basic แต่ทำให้ดีที่สุด
- ต่อให้เราใช้ของดีแค่ไหน ยากแค่ไหน >> ถ้าเราขาดพื้นฐาน โอกาศพลาดเยอะตามไปด้วย

- ความผิดพลาดมีรูปแบบ (รูปแบบมีจำกัด)
- บางคนเขา ผ่านมาน้อยจะอธิบายได้ยาก >> แนะนำให้ทำ trader diary >> โดยเฉพาะตอนขาดทุน
>> จะทำให้เราเห็นความผิดพลาดในอดีตได้ >> ตามกลไกจิตวิทยา เวลาที่เราทำพลาด >>
เรามักจะหาเหตุ หาที่ลืม เพื่อให้เราก้าวข้าว สภาวะเลวร้าย
- ถ้าจะเป็นมืออาชีพ ต้องฝืนธรรมชาติ >> วิเคราะห์ รูปแบบความผิดพลาด

- การขาดทุนเป็นเรื่องปกติที่ต้องเกิดขึ้น
- การขาดทุนเกิดขึ้นอยู่แล้ว >> แต่เราจะทำอย่างไร (เป็นสิ่งที่แยกมืออาชีพ กับสมัครเล่น)
- การขาดทุนมีผลต่อจิตใจ >> มันเป็นผลกระทบเชิงลบ >> เราสามารถ(วางแผน)ป้องกันได้
- เราสามารถจำกัดขอบเขตของ ผลกระทบได้
- การเป็น trader ต้องมีการจัดการสภาวะทางอารมณ์
- มันเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล >> ไม่สามารถสอนคนอื่นได้
- อะไรที่เป็นเหตุใหญ่ ที่ก่อให้เกิดความผิดพลาด >> เราต้องจำกัดเขต

- บางครั้งการขาดทุนไม่กี่ครั้ง >> ส่งผลกระทบต่อเรามหาศาล

- ธรรมชาติมนุษย์ เราต้องการถูก >> เมื่อเราลงทุนไปสักพัก >> จะรู้ว่าเรามันไม่แน่นอน
>> จะเกิดการเรียนรู้ การป้องกัน
- ความเสี่ยงที่เกิด คือ เราไม่รู้อนาคต
- แต่ความเสี่ยงเราสามารถควบคุมมันได้ (ควบคุมการสูญเสีย ควบคุมผลกระทบ)

- การบริหารอารมณ์ >> ส่งผลกระทบทางจิตวิทยา >> มีอิทธิผลต่อความผิดพลาด(ตัดสินใจ)
- ถ้าเราจัดการอารมณ์ได้ >> อารมณ์(ที่เกิดนิ่ง) ไม่เครียด  >> ส่งผลกระทบต่อเราน้อย
- ความเครียด เกิดได้ทุกครั้งที่เทรด >> โดยเฉพาะถ้าเรามีสภาวะทางอารมณ์ไม่มั่นคง
- ถ้าเราไม่มีแผน >> ส่งผลกระทบต่อเราในระยะยาว (กลัว กังวล)
- การขาดทุน
-- ทำให้เรารู้สึกแพ้ (ผิดหวัง) >> ส่งผลต่อจิตใจ >>  ภาวะอารมณ์เชิงลบ (ความกลัว วิตกกังวล)
ส่งผลต่อความรู้สึก >> Action ออกมา ไม่ดี

--------------------------------------------------------------------------------------------

KZM : Killer Zone Model :EP6 [วางแผนรบ]

แผนการรบ KZM (Killer Zone Model by MudleyGroup)
ทรัพยากร
- เงิน 500,000 บาท (แบ่งเป็น 2 สนาม สนามละ 250000 บาท)
- วางแนวรบ กอง A ,B เป็นหลัก เงินที่เหลือจาก Zone จะวางกอง C

เลือกสนามรบ (ETF)
- CHINA
- TGOLDETF

----------------------------------------------------------------------------
TGOLDETF รบตั้งแต่ราคา (3.00 - 5.00 บาท)
แบ่งกองกำลังเป็น 3 กอง
กอง A
- แบ่งเป็นกองละ 200 หน่วยรบ
- มีกองรบทั้งหมด 201 กอง
- โจมตีทุกๆช่อง >> หากโจมตีครบ 20 จุด สลายตัวทันที
กอง B
- แบ่งเป็นกองละ 100 หน่วยรบ
- มีกองรบทั้งหมด 201 กอง
- โจมตีทุกๆช่อง >> หากโจมตีครบ 10 จุด สลายตัวทันที
กอง C
- แบ่งเป็นกองละ 100 หน่วยรบ
- มีกองรบทั้งหมด 16 กอง
- โจมตีเมื่อคิดว่าได้เปรียบศัตรู >> หากชนะสลายตัวทันที 

----------------------------------------------------------------------------
CHINA

แบ่งกองกำลังเป็น 3 กอง
กอง A
- แบ่งเป็นกองละ 100 หน่วยรบ
- มีกองรบทั้งหมด 201 กอง
- โจมตีทุกๆช่อง >> หากโจมตีครบ 20 จุด สลายตัวทันที
กอง B
- แบ่งเป็นกองละ 100 หน่วยรบ
- มีกองรบทั้งหมด 201 กอง
- โจมตีทุกๆช่อง >> หากโจมตีครบ 10 จุด สลายตัวทันที
กอง C
- แบ่งเป็นกองละ 100 หน่วยรบ
- มีกองรบทั้งหมด 12 กอง
- โจมตีเมื่อคิดว่าได้เปรียบศัตรู >> หากชนะสลายตัวทันที

----------------------------------------------------------------------------

DSM : Densri Method : EP14 [แผนครั้งที่ 2]


--------------------------------------------------------------------------

Update แผนการลงทุนครั้งที่ 2
กองหลัง
- กองหลังใช้ 30% ของกองทัพทั้งหมด
- โดนโจมตี 2 ช่อง (สลายทัพ) รวมตัวเมื่อครบ 5 ช่อง
- เพิ่มกองกำลัง ในตอนรับคืน
- เมื่อกองหน้าโจมตี 20 ช่อง >> เปลี่ยนจากกองหลังเป็นกองหน้าทั้งหมด >> ช่วยกองหน้าโจมตี
>> ถอยทัพหากโดนโจมตีคืน 10 ช่อง >> รอรวมตัวใน 10 ช่องถัดมา

กองกลาง
- เริ่มโจมตี(2% ของกองกำลังทั้งหมด) เมื่อกองหลังต่อกรกับ ศัตรูได้แล้ว  >> ดันขึ้นหน้า 2 ช่อง
-- ถ้าโดนโจมตีกลับ (สลายตัวทันที) >> รวมตัวอีกครั้งหลังจากโดนโจมตีไป 5 ช่อง

กองหน้า
- โจมตีต่อจากกองกลาง ทุก 2 % ของกองกำลังทั้งหมด
- ถ้าโจมตีได้เปรียบมากๆ >> ให้ยึดพื้นที่ศัตรูมาเพิ่มกองกำลังของเรา

--------------------------------------------------------------------------

0001 : Visual life

Visual life ชีวิตตัวเอง

สืบเนื่องมาจาก :
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/11/0006-mudleygroup-hedge-fund-manager-001.html

-------------------------------------------------------------------------------------------------

- เกิดมาเป็นลูกเครึ่ง ญี่ปุ่น อยู่บ้านนอก
- เป็นเด็กที่ได้ รับการตามใจ >> มีกริยาที่รุนแรง เมื่อไม่ได้ดั้งใจ ตั้งแต่เด็ก (3-5 ขวบ)
-- เผากองไม้สักเป็นท่อนๆ ที่อยู่ข้างบ้าน
-- ถือมีดไล่ฟันคนดูแล(เลี้ยงเราตอนเด็ก) จนคนหนีหมด เมื่อไม่ได้ดั่งใจ
-- ไปนอนเล่นกลางถนน (แม่ซื้อปืนเด็กเล่นไห้ >> คิดว่าตัวเองเป็นทหาร)
-- เอาเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้าแม่ มากองที่หน้าบ้าน (โยนทิ้ง) เป็นกองๆ
-- ขโมยเงินแม่จากกระเป๋าไปซื้อขนม
-- กระชากสร้อยคอแม่ บ่อยจนไม่ไส่
-- ทะเลาะ กับคนที่ทำให้ตัวเองไม่พอใจ (มีเรื่องทุกปีตั้งแต่ อนุบาล >> ประถมตอนปลาย)

เริ่มเรียนอนุบาล(อ.3) - ประถมตอนปลาย (ป.5) (5 - 10 ขวบ)
- ไปๆ กลับ ญี่ปุ่นบ่อย จนต้องย้ายโรงเรียนบ่อย จึงมีการนำไปฝากไว้กับโรงเรียนในหมู่บ้าน เมื่อกลับไทย
- อนุบาล 3 ไปเรียนที่โรงเรียนประจำ(แพร่) (กิน นอน อยู่ในโรงเรียน) อยู่กับกลุ่มคนชาวเขา
- โรงเรียนประจำสอนให้เป็นคนที่ เข้มแข็งเมื่ออยู่คนเดียว (ไม่ได้มีพ่อ แม่อยู่ด้วย)
-- เลือกกินไมได้
--- เคยแม้หลังเลิกเรียน ไปหาขนมตกในโรงเรียนมากิน (เอามาเผาก่อน)
-- ใช้เงินซื้อขนมเท่าที่มี (5 บาท = ขนม 2 อย่าง) >> บางทีเอาไปแลกของเล่น
-- ฝึกการวินัยทำตามกฎหอพักอย่าง เคร่งครัด (คิดถึงอยู่ในคุก)
--- การทำความสะอาด โรงเรียนเมื่อโรงเรียนเลิก
--- บทลงโทษของหอพักคือ การเก็บขยะ 100 ชิ้น ต่อโทษ 1 ครั้ง ถ้าหนักก็ฟาด
--- บังคับให้ท่องศัพท์ 10 คำ ต่อการพัก 20 นาที
--- บังคับให้ทำการบ้าน ก่อนนอน (แต่ไม่ได้ทำ)
--- ของมีค่าทุกอย่าง จะโดนขโมยทันทีถ้าไม่เก็บไห้ดี
--- ขโมยแม้อยู่ในตู้ที่ล๊อคไว้
--- เป็นคนที่สกปรก
---- เด็กคนหนึ่งไม่รู้ว่า เราควจจะเปลี่ยนรองเท้าตอนไหน (รองเท้าลูกเสือไส่ 4 ปี)
---- ผ้าเช็ด ,กางเกงในตัวขึ้นเชื้อรา (มีเป็นจุดสีดำดำ) และขาด >> แต่เด็กคนหนึ่งไม่รู้ว่ามันคือ เชื้อรา
---- ถุงเท้าซัก ก่อนนอน ไส่ตอนเช้า [ชุ่มๆ แต่ก็ต้องไส่] >> เพราะว่า ถ้ามีตุน จะโดนขโมย
-- เรื่องไม่ดีที่อยู่โรงเรียนประจำ
--- ตอนอยู่ ประถมปลาย >> ขโมยของร้านขนม เมื่อคนชุกชุม (ได้เงินใช้น้อย) >>
โดนจับได้ ถูกสอนว่าไม่ดี ห้ามทำ >> เลิก

- วิชาที่ชอบคือ คณิตศาสตร์
-- เกิดจาก เห็นพ่อ เวลาที่มารับกลับบ้าน หรือเวลาว่าง จะมีกระดาษเป็นปึกๆ
และเขียนอะไรต่างๆ เกี่ยวกับตัวเลขลงไป >>พ่อเขียนได้เรื่อยๆ เหมือนเป็นสมการ
อะไรสักอย่างที่ แก้ไม่มีสิ้นสุด
-- เกิดจากการที่เห็นแม่เล่นไพ่บ่อย (นักพนัน) แถมให้เราไปดูตอนที่เล่นๆ บ่อยๆ
>> อาจเพราะมีความเชื่อที่ว่า
>>ถ้าได้จับ จู๋ เด็กตอนเล่นไพ่ ดวงจะเฮง และผมก็ได้เงิน >> บางครั้งก็ไปนั่งเฝ้าแม่บ้าง
-- จุดที่ทำให้ชอบอีกอย่างคือ เราเรียนพิเศษ ตอนปิดเทอมทีบ้าน และหลังจากไปเรียน
ตอนนั้นป. 3 >> เมื่อเรากลับไปเรียนตอน ป.4 >> เรามีความรู้ทางคณิตสาสตร์จากการเรียนพิเศษ
จึงได้คะแนนดี >> ได้ไปแข่ง >> แพ้ เพราะ สมการแก้อยู่ห้องเรียนคำตอบ จะเป็นรูปสี่เหลี่ยม
แต่ สมการที่ให้แก้ตอนแข่งเป็น XYZ (- -)
- วิชาที่ไม่ค่อยชอบ จะเป็นวิชาเกี่ยวกับพวกความจำ และภาษา
-- ภาษา
--- มันเป็นวิชาที่มันมี ศัพย์เฉพาะ เช่นคำราชาศัพท์ (มันใช้ความจำ)
Ex เคยถามเพื่อนในห้องสอบ (ป.4) โจทย์คือ แปลคำราชาศัพท์ แต่เราไม่รู้เรื่อง เลยถามว่ามันคืออะไร
เพื่อนก็ตอบแบบยกตัวอย่างมาว่า โลหิต = เลือด (?) >> ????
--- มองว่ามันไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวันเท่าไหร่ ?
-- ประวัติศาสตร์
--- เป็นวิชาที่ใช้ความจำ (พวกชื่อสถานที่ ชื่อคน)
--- เป็นวิชาที่ต้องศึกษาอย่างประติดต่อ (ขาดเรียน 1 คาบต้องซ่อม) >> มาเรียนทีก็ไม่รู้เรื่อง

เรียนมาเรื่อยๆ ได้ย้ายโรงเรียน มาเรียนที่ ลำปาง (10 - 12 ขวบ)
- ย้ายมาตามพี่สาว พี่สาวเรียนที่โรงเรียนประจำแพร่ไม่ไหว >> ย้ายมาก่อน 1 ปี
- ตอนนี้ย้ายมาเรียนอยู่ หอนอก (เมื่อก่อนเวลาส่วนใหญ่อยู่แต่ในโรงเรียน)
>> หอนอกเวลาอยู่นอกโรงเรียน ค่อนข้างเป็นอิสระ
- เกมส์
-- เงินที่ได้นอกจากการกิน คือเหลือมาเล่นเกมส์
-- บางทีอดอาหารมาเล่นเกมส์บ้าง (หิวก็หิว) เคยหิวจนตาลายเลยก็มี
- ยังคงทีเรื่องทะเลาะวิวาท บ่อย (คิดเป็นปี) เข้าห้องปกครองบ่อย

ย้ายโรงเรียนอีกทีที่ลำปาง แต่เป็นโรงเรียนรอบนอก (13 - 18 ปี)
- สาเหตุที่ย้ายมา
-- ใกล้บ้านมากขึ้น
-- รู้สึกเหมือนทางบ้านเริ่มมีปัญหาทางด้านการเงิน
>>  ในตอนนั้นมีความคิดที่ว่าการไปเรียน และอยู่ในจังหวัด มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าอยู่บ้าน
- มีความรู้สึก อายเพื่อนที่มีพ่อเป็นคนญี่ปุ่น (ไม่เหมือนชาวบ้าน) (คิดแล้วเศร้า คิดได้ไง)
- ดื่มเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ ครั้งแรก ที่เขื่อนกับเพื่อน เพราะต้องการการยอมรับทางสังคม
- ตอนอายุ 13 เริ่มมีแฟน (ม.2)(Puppy love)
-- อกหักจากแฟน >> หลังจากนั้นเป็นช่วงที่ขยันที่สุดใน ชีวิตช่วงหนึ่ง (ตื่นตี 4 อ่านหนังสือ หลับ 2 ทุ้ม)
>> เพื่อแสดงให้แฟนเห็นว่า เขาต้องเสียใจที่ทิ้งเราไป(ด้วยความเป็นเด็กจึงคิดอย่างนั้น)
>> ผลจึง มีผลการเรียนที่ดีขึ้นมาก (ก้าวกระโดด) >> แต่ก็ต้องมาเสียใจทีหลัง เพราะเขามีแฟนใหม่แล้ว
- ช่วงอายุ 15 โรงเรียนมีกิจกรรมแข่งบาส เป็นช่วงที่เราอารมณ์ร้อนมาก
>> เคยตะคอกไส่เพื่อน ในระหว่างการแข่ง เพราะไม่พอใจที่  >>
เพื่อนเล่นไม่ดี (ตอนนี้ยังดีที่ไม่เสียเพื่อนคนนั้นไป)

มัธยมศึกษาตอนปลาย (15 - 18 ปี)
- เริ่มขึ้น ม.4 อยากได้มอเตอร์ไซค์ ใหม่ (ระยะทางจากบ้านถึง โรงเรียน 30 กิโลเมตร)
-- ประท้วงหนัก ถึงขั้นบอกว่า จะไม่เรียนต่อ เพราะมันลำบากเวลาเดินทาง (ข้ออ้าง)
-- ที่บ้านก็มีรถอยู่แล้ว 2 กัน (รถคันเก่า) (เพียงพอต่อการใช้งาน)
-- เป็นเพราะ ECO สูง รถที่ได้ต้องเป็นคันใหม่เอาไว้ อวดเพื่อนๆ (ต้องการการยอมรับจากสังคม) >>
ไม่กล้าขี่รถเก่าไป โรงเรียนเลย
-- มีความคิดที่ว่าถ้าเราแต่งรถ เราจะเป็นคนที่ได้รับการยอมรับจากเพื่อน
>> แต่งรถ เพราะต้องการได้รับการยอมรับทางสังคม
-- ECO สูงขั้นตอนเรียน รด. เพื่อนที่นั่งไปด้วยบาดเจ็บต้องพัก >>
เรายังต้องให้แม่ของเขาเอารถมาให้เราใช้ (รถยางแบน เพราะ เป็นรถแต่ง)
- หัดเล่นกีต้าร์ เพราะจะเอาไว้จีบสาว (ต้องการการยอมรับจากเพื่อน) >> ล้มเลิกไป
>> มาเห็นเพื่อนที่หัดเล่นกีต้าร์ทีหลัง แล้วแซงเรา >> กลับรู้สึกว่า ทำไมเราถึงทำไม่ได้
>> ฝึกเล่นกีตาร์ไปเรื่อยยๆ จนเป็น
- ช่วงหนึ่งตอนปิดเทอม ตอนดึกจะไปเล่นหมากรุก กับคนเก่งในหมู่บ้านที่ โต๊ะสนุ๊กบ่อยๆ
>> แพ้ตลอด >> เพราะเขามีประสบการณ์มาก

ช่วงมัธยมศึกษาปีที่ 6 (เป็นช่วงที่ต้องตัดสินใจอะไร หลายๆอย่าง)
- มีแฟนเป็นเพื่อนร่วมห้อง >> ไปให้เขาช่วยงานบ่อยๆ (จีบ)
- ต้องเข้าสู่โหมด จริงจังอีกครั้ง >> เพราะต้องหาที่เรียน
- ไปเรียนพิเศษ ณ สถาบันแห่งหนึ่ง โดยมีมุมมองว่า จ่ายครั้งเดียวเขาสอนเราทุกวิชา เรียน 1 เดือน
(จ่ายเงินปริมาณที่น้อย แต่ได้ทุกวิชาครบ) >> ผลที่ตามมาคือ เรียนทุกวิชาครบ  >>
แต่ละวิชาใช้เวลาสอนแบบ เร่งให้จบๆ >> ความรู้ที่จึงเป็นวิชาละ หย่อมๆ >> สรุปไม่คุ้ม
- เพื่อนแต่ละคนเลือกวิชาที่จะจริงจังหมด โดยแยกสรุปเป็นวิชาที่ตัวเองถนัด และทำมันให้ดีที่สุด
- เราเลือก คณิต และฟิสิกส์ (คณิต ศึกษาเองจนนำหน้าที่สอน >> จะนำไปใช้สอบ)
- เปิดไฟนอน เพราะ ถ้าสะดุ้งตื่นจะอ่านหนังสือต่อ >> วิชาที่เลือกอ่านเป็น พื้นฐานวิศว และคณิต
- เลือกสอบหลักเป็น คณะวิศวกรรมคอม กับวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม (เดิมพัน) >> เดิมพันแพ้
- ECO สูงคิดว่าตัวเองเก่ง >> สอบข้อสอบ มช. พลาด เพราะ เราคิดว่าข้อสอบต้องออกยาก
>> อ่านเกรงข้อสอบที่ยาก >> ทำให้เราตายน้ำตื้น (พื้นฐานไม่แน่น ทะลึงเล่นท่ายาก)
- เพื่อนในห้องเกือบทุกคน มีที่เรียนกันเกือบหมดแล้ว แต่เหลือเรากับเพื่อนอีกคนที่่ยัง
- ECO สูง จึงอยากได้มหาลัยที่มันดีๆ (เพื่อนในห้องได้แต่ มหาลัยที่มันขึ้นชื่อ) โดยไม่ค่อยสนใจคณะ
>> แต่อยากได้ มหาลัยที่อยู่ในภาคเหนือ (ไม่ค่อยชอบอากาศที่อื่น (ร้อน))
- รอยาวจนถึง Admission มีหลักการเลือกคณะ (ใช้ข้อมูลทางสถิติในการเลือก Ad)
- เลือกเรียนอาหาร (ECO สูงเหมือนเดิม) >> ติด
-- สาขานี้ คะแนน Ad สูงที่สุดในมหาลัย (น่าจะดีที่สุดในมหาลัย)
-- เป็นมหาลัยในภาคเหนือ
--ไม่เคยเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับอาหารเลย (เลือกกินไม่ได้ตั้งแต่เด็ก)
>> แค่อยากรู้ว่า สิ่งที่เรากินแต่ละอย่างมี ผลอะไรต่อร่างกาย

มหาลัย (19 - 22 ปี)
- เรียนในสาขาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีอาหาร
- เป็นมหาลัยที่ สามัคคีกันจริงๆจังๆ >> มีบททดสอบทางจิตใจ >> ให้รักกัน
- บททดสอบ ทางจิตใจ
-- พี่ดูแลน้อง
-- การซื้อใจเพื่อน ,ซื้อใจน้อง
- เรื่องเรียนไม่น่าเป็นห่วงเพราะ ตอน ม.ปลาย เราทุ่มอย่างหนัก
- ตอนแรกมีความคิด ย้ายมหาลัย >> แต่นานๆไป >> กลัวพี่รหัสจะเหงา (รหัสขาด) >> เรียนต่อ
- ช่วงมหาลัยเป็นช่วงที่เริ่มการลงทุนในอะไรหลายๆอย่าง
- ตอนเรียนเริ่มมองหาเป้าหมายในชีวิต ว่าชีวิตต้องการอะไรกันแน่
-- ถามตัวเองลึกๆ >> อยากอยู่ที่บ้าน (ไม่ค่อยได้มีโอกาสอยู่บ้านตั้งแต่เด็ก) (คิดว่าบ้านเป็นสถานที่อบอุ่น)
-- จึงมีคำถามต่อมาอยู่ว่า แล้วจะทำอะไรอยู่ที่บ้าน (บ้านนอก) >> คำตอบที่ได้คือต้องลงทุนทำอะไรซักอย่าง
-- มีความคิดที่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ >> อาจเนื่องจากเคยเห็นพ่อเป็นเจ้าของธุรกิจคนงานตอนเด็ก
- การลงทุน Forex (การแลกเปลี่ยนค่าเงิน) เริ่มแรกในตอนปีที่ 2
>> น้องข้างห้องเรียนสาขา เศรษฐศาสตร์ >> แล้วเทรดจากนั้นก็มีคนกำไร >> เราก็ตาโต >> ตามๆ
- ศึกษาการเทรดไปเรื่อยๆ หาหนังสือ >> หนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้มีไม่มาก >> จ้างคนสอน (แพงชิบ)
- เทรดไปด้วย เรียนไปด้วย ระหว่างทาง
- เคยโดนโกงเรื่องค่าสอน FX >> ความโลภบังตา
- ปีที่ 3 พ่อป่วยเข้าโรงพยาบาล(เส้นเลือดในสมองตีบ) ทำให้รู้สึกว่า เสาหลักที่บ้านกำลังสั่นคลอน
>> รู้แค่ว่าจะต้องทำอะไรสักอย่าง >> เลือกเดิมพันในการเทรด FX
- เป็นปีที่กิน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์บ่อยมาก >> เพราะไม่รู้ว่าตัวเองลึกๆ แล้วเครียดเรื่องอะไร >>
วันที่คิดได้ ร้องไห้กลางร้านเหล้าเลย (มาคนเดียว กินคนเดียว)
- การเทรดดำเนินไป เรื่อยๆ แล้วก็ เสียเรื่อยๆ (Short Run)
- เคยเทรดเสีย (จากเงินกระปุกออมสิน) ทำใจเข้าวัด ให้อาการดีขึ้นเป็นเดือน
(นั่งให้อาหารปลา เป็นชั่วโมง ทุกวัน)
- เคยมีครั้งหนึ่งบริจากเงินให้ขอทางที่ พิการ(ถนนคนเดิน) >> ตอนบริจากได้กระซิบบอกขอทานว่า สู้ๆนะ
>> ผลที่ได้คือ ขอทานยิ้ม และตอบกลับมาว่าขอบคุณครับ >> ความรู้สึกที่ได้รับเหมือน
>> เขาสู้กับความลำบากมาขนาดนี้ >> หันมองตัวเองว่าทำอะไรอยู่ ?
- ปีที่ 4 ได้ฝึกงานที่ โรงงานอาหารแห่งหนึ่ง >> สิ่งที่ได้เรียนรู้
-- ได้รู้ถึงความกดดันในการทำงาน
-- การเอาตัวรอดในสังคม
-- การคุมคนงาน (ชาวต่างชาติ)
-- ได้ช่วยเหลือเพื่อนที่เรียนไม่เก่ง
- หลังจากฝึกงานเสร็จ >> กลับบ้าน >> ทะเลาะกับแม่ >> หนีออกจากบ้าน >> ก่อนจะออกจากบ้าน
>> บอกแม่ประโยคทิ้งท้ายว่า ขอเงิน หนึ่งแสน >> จะไปลงทุนตลาด (เดิมพัน)
>> ผลที่ได้ ขาดทุนเยอะพอสมควรในเวลา (2 เดือน) >> แล้วจะทำอย่างไรต่อ ?

หลังเรียนจบมา (23 - ปัจจุบัน)
- คิดถึง เป้าหมายที่เคยวางไว้ >> ประกอบไปด้วย โจทย์ 2 ข้อ
-- อยากอยู่บ้าน >> อยู่บ้านแล้วจะหาเงินอย่างไร ?
-- อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ >> แต่ประสบการณ์ไม่มี >> ขายของบ้านนอก ขายใช้ชาวบ้าน
>> เงินที่ได้จะไม่พอใช้
- เคยถามตัวเองว่า ลึกๆทำไมถึงอยากอยู่บ้าน >> สาเหตุเพราะ ในสังคมบ้านนอก >> หากมีคนล้มป่วย
>> ตอนกลางคืน (อยู่คนเดียว) >> ใครจะดูแล >> และถ้าคนดูแลขับรถไปโรงพยาบาล
>> จะเร็วกว่ารถพยาบาลมารับ (ห่างจาก โรงพยาบาล 20 เมตร)
- เคยติดต่อไปเข้าค่ายที่ เชียงใหม่เกี่ยวกับ เกษตรที่ สวนปันปัน (อาจารย์โจน จันใด)
>> ได้รับการตอบกลับ ว่าสามารถเข้าได้ในอีก 6 เดือนข้างหน้า >> รู้สึกว่าช้าไปสำหรับผม
- [Give up] >> กลับมาที่บ้าน >> พร้อมเหลือเงินบางส่วน >> ไปถามฟาร์มเมล่อนแถวที่บ้าน
>> ว่าทำไมเขาถึงเลือกปลูกเมล่อน (บ้านนอก) >> ได้รับคำตอบ (ราคาแพงขายได้)
>> เขายื่นข้อเสนอให้มาทำงานด้วย >> ได้ทำงาน (ต้องการประสบการณ์)
- ระหว่างที่ทำงาน ก็ ทำไปด้วย เทรดไปด้วย (ไม่ล้มเลิกการเทรด)
- ได้เรียนการเทรด จากสำนักหนึ่ง (เทรด TA ไปเรื่อยๆ ฝึกความแม่น) >> เป็นเวลา 1 ปี
- ระหว่างเทรด เหมือนถอยหลังไปเรื่อยๆ (แต่ไม่ล้างพอร์ต แล้ว) >> ศึกษาวิธีใหม่ที่เหมาะกับเรา
- ระหว่างที่ทำงาน ได้เงินกำไรจาก BTC มาพอสมควร >> จึงเอาเงิน (1 แสนที่เคยยืม)
>> คืนแม่ >> แต่จะคืนเป็นหุ้น
- ระหว่างที่ทำงาน ก็ศึกษาเรื่องหุ้นไปด้วย >> ขอเงินแม่เพิ่ม อีก 3 แสน (4 แสน) >> ลงทุนหุ้น

-------------------------------------------------------------------------------------------------
เป้าหมายในชีวิต
- ลงทุนในหุ้นให้ประสบความสำเร็จ (อันดับแรก)
สาเหตุที่ต้องลงทุนหุ้น (เหตุผลลึกๆ) คือ
-- อยากอยู่บ้าน กับครอบครัว
-- ที่บ้านไม่มีใครทำงาน เพราะอายุเยอะแล้ว >> มีแต่รายจ่าย
-- เงินที่บ้าน (เงินพ่อ แม่) >> โตไม่ทันเงินเฟ้อ >> เราจะลำบากในอนาคต

- ทำธุรกิจส่วนตัว (อันดับสอง) >> ต้องเป็นเงินที่ได้จากการลงทุน
สาเหตุ
-- อยากช่วยเหลือคนอื่น >> ต้องการให้คนในหมู่บ้านมีงานทำ

-------------------------------------------------------------------------------------------------

MudleyGroup : Hedge Fund Manager : EP2

Hedge Fund Manager 002
สรุปความรู้ที่ได้จาก Link : https://www.youtube.com/watch?v=yIR40-yTXOI
ต่อจาก : http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/11/0006-mudleygroup-hedge-fund-manager-001.html

------------------------------------------
- พี่ต้านเสียดาย Trader บ้านเรา เพราะยังไงเราก็ต้องฝึก
-- เรามักเสียเวลาจากการฝึกหลายๆสำนัก ฝึกสำนัก A ไม่ชอบ
-- ไปสำนัก B และไปสำนัก C ต่อ ผลที่ตามมาคือเดินเหมือนเป็ด
Ex ตอนที่พี่ต้าน เข้า Board Street สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ถ้าพี่ต้าน Move ไปเรื่อยๆ สิ่งที่พี่ต้านไม่ได้คือ ทักษะ
- บางทีเราด่วนตัดสินใจ จากการตัดสินใจของเราเอง
- ขณะที่เราลองผิดลองถูก เราไม่มีทางรู้ว่า เราจะเจอทางออก
- ทางออกที่เหมาะสม มันไม่ง่าย

- คนเก่งระดับโลกยังมี Money management (MM) >> เราเป็นใครถึงไม่มี ?
- Fund ระดับโลกหลาย Fund ให้ความสำคัญกับ MM (จาก Fund ที่ขาดทุน บริหารจน มีกำไรเป็น +)
- MM จึงทำให้เราต้องคิด เพราะว่า คนเก่งยังควบคุม
- Trader ใน wall street หลายๆคนต้องออกไป เพราะ Balance Principle ไม่ได้

- Fund หลายๆ Fund ไม่ทำการตลาด เพราะถ้าทำการตลาดจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม (แต่ถึงอย่างไรก็อยู่ที่ นโยบาย Fund)

- Paulson Fund ติดต่อยากมาก มาทำผลงานดีตอน sub prime
-- เคยขาดทุนจากทองคำเยอะ แต่ Fund ยังติด Top 10
- หลายๆคน Build จาก family Fund

- หลังจากเราที่เราวางแผนปกติแล้ว อะไรคือสิ่งที่ทำให้ close system ของเราต่างจากคนอื่น ?
- สิ่งสำคัญสำหรับ Fund ต่าง คือ การ Management Position
- สิ่งที่ต้องทำให้ได้ คือการ Management Position
- ถ้าเรา Management Position ไม่ได้ เราจะไม่สามารถแซงคนอื่นได้
- เราสามารถประยุกธ์เป็นเกมส์เลยก็ได้ การออกแบบควรมี Design เป็นรูปออกมาเลย (ฝึกเป็นกราฟฟิค)
-- แย่งทหารเป็นเหล่าๆ - ทหารม้า ,ทหารปืนใหญ่ ,ทหารวางระเบิด
-- สิ่งที่สำคัญอีกอย่างก่อนกลยุทธ์ คือการวิเคราะห์ วิเคราะห์คู่ต่อสู้ ไม่ใช้ ยุทธภูมิ
(เราเจอใคร เขาเป็นอย่างไร เราจะทำอย่างไร ?)
Ex Fed ขึ้นดอกเบี้ย ลงดอกเบี้ย >> รายใหญ่สู้กับ Fed (ศึกษาคู่ต่อสู้)
- โจทย์แรก เราต้องห้ามเปิดประตูให้ข้าศึกเข้า >> ยังไงก็ได้ห้ามเอาเงินไปให้เขา >> ห้ามลดจำนวนเงินของเรา >> ดังนั้นอย่าเจ้ง
- ไม่ใช่เราเอาเงินของเราไป เพิ่มให้กับมัน >> เราเอากำลังของเราไปให้มัน >> แล้วให้มันโจมตีเรา

4 Basic Step ในการเทรด ถ้าไม่มียากที่จะเทรด (พื้นฐานที่ต้องมี)
1.) ปกติ วางก่อนเป็นอันดับแรก
2.) Leverage
3.) ลด หรือ ผ่อน Positions
4.) หยุด
- หลายๆคนไม่ค่อยพูดถึง เพราะเราต้องอยู่ใน Prop Trader


- Normal Size มีหลายแบบ อันดับแรก design Model ปกติก่อน
--- ยืดระยะ
--- หดระยะ
--- ตามระบบ  คนทั่วไปเริ่มอันดับแรก จะทำตามระบบก่อน (เราจะคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้น) >> เราจะใช้กระบวนการเทรดต่างๆ
---- จะมีแค่ถูก กับผิด
----- ถ้าผิดแล้วจะแก้ยังไง >> (กรณีเป็น Close Sysyem เราจะหยุด หรือ Cut หรือ โป๊ะ อยู่ที่เราเลือก)
------ การหยุด อยู่ที่เราเป็นคนกำหนด (ไม่มีไครสามารถบังคับเราขายได้)
------ Cut Loss ส่วนมากจะอยู่ใน Asia
------- โป๊ะ มักจะอยู่ Trader รัสเซีย (Active Trader มักใช้การโป๊ะ)
----- กรณีถ้าถูก >> ถ้าโดน Tp >> เราจะเกิดการจัดสรรค์ >> เราจะเป็น Trader ที่ดีได้ (เหมือนกับการเลื่อนตำแหน่ง) >> ต้องถูกกี่ครั้งเราถึงเริ่มจัดสรรค์กำไร (อาจมีกรณีที่ผิด)
เมื่อถูก เราจะมีกำไรที่อยู่ในระบบ >> กำไรที่ได้นำมาประยุกต์

Trader ต้องมีการอัพเดท(พัฒนา) Model ต่อไป >> แต่หลายๆคนหยุด >> พี่ต้านต้องการให้เราคิดเป็น >> ถ้าหยุด Method เราจะไม่เก่งสักที >>
Ex เคยทำอะไรแล้วประสบความสำเร็จ แล้วเราคิดว่าเราเก่งแล้ว >> แต่ถ้าเจอของจริง เราจะช๊อค >> เราต้องพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ถ้าเรารู้ว่าเป็นแนวทางไหนไห้เราฝึกไปเลย วันหนึ่งเราจะต่อไปได้เอง (แต่ไม่มีอะไรการันตี)

** Stop loss เหมาะกับ Professional Trader




------------------------------------------

- Aud คงดอกเบี้ย >> ทำไม ญี่ปุ่น ไม่เอาเงินไปฝาก Aud (ญี่ปุ่นดอกเบี้ยติดลบ)
>> บ่งบอกว่า Smart money ยังคิดว่าไม่เหมาะที่จะนำเงินไปเข้า
- เราต้องคิดว่าเราสามารถทำกำไรจาก Macro ตรงนี้ได้ไหม ?
- มันจะเรียดแขก หรือเรียกแขกไม่รู้ แต่เราต้องได้ตัง

- การสะสมทอง >> มีคนเทรดมาขึ้น >> เกิดแรงขาย
- อันดับแรกดูหุ้นเหมื่อง >> เหมือนโดนเทขาย >> มันมีโอกาสขายไส่เราได้ทุกเมื่อ

------------------------------------------

 ประเทศไทย จุดอ่อนของบ้านเรา
- จุดอ่อนคือ ต้องมีตัวอย่าง ตัวอย่างที่ทำได้จริง (จุดประกาย)
-- บ้านเราต้องการ inspiration สูงมาก
-- สังเกตุจาก บ้านเรามีคอร์สไหนเยอะ
- บ้านเรามีความต่อเนื่องน้อย
Ex บ้านเรามวยไทยโหดมาก
- การรู้จักกันทำให้เรามีพลัง มีconnaction เพื่อ ให้เชื่อมโยงกัน

Ex สวิตเซอร์แลนด์ >> รัฐบาล support คนในประเทศ >> ทำให้คนในประเทศมีประสิทธิภาพในด้านด้านหนึ่ง >> ส่งผลให้เกิดผลงานที่ดีมากมาย
Ex ประเทศญี่ปุ่น >> ไม่มีแรงงาน >> สร้างหุ่นยนต์เพื่อแทนแรงงาน >> ลงทุนครั้งเดียว
Ex Google >> ทำให้ AI มีความคิด

------------------------------------------
เพิ่มเติม
- 0002 : MudleyGroup - ระบบทุนนิยม :
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/10/0000-etc.html
- 0004 : MudleyGroup - กลยุทธ์ และจุดอ่อน :
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/11/0004-mudleygroup.html
- 0006 : MudleyGroup - Hedge Fund Manager 001 :
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/11/0006-mudleygroup-hedge-fund-manager-001.html

KZM : Killer Zone Model : EP5 [KZM (C,D)]

เขียนต่อจาก :
Link1 : http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/11/0002-mudleygroup-pantip-2.html
Link2 : http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/11/0005-mudleygroup-pantip-kzm-3.html
โดยสรุปจากกระทู้ Pantip :
Link : http://topicstock.pantip.com/sinthorn/topicstock/2009/05/I7865165/I7865165.html

----------------------------------------------------------------------------------------
เทคนิคประยุกต์ใช้กอง C และกอง D สำหรับคนไม่เคยดูกราฟ
- ต้องการแชร์เทคนิค เพื่อรับมือกับ กองทุนในปนะเทศ หรือรายใหญ่ในประเทศ
- การเริ่มกราฟ เทคนิค ควรเริ่มจากพื้นฐานที่ถูกต้องก่อน ไม่อย่างนั้นเราจะหลงทาง
- มันไม่ได้ยากจนเกินไป อย่าลืมว่าคนสมัยแรก สร้างกราฟมาเพื่อ ?
- พื้นฐานของกราฟมาจาก คณิตศาสตร์

- ในคณิตศาสตร์ ระบบกราฟ แบ่งการเคลื่อที่เป็น 2 แบบ ใหญ่คือ
-- การเคลื่อนที่แบบ เชิงเส้น
-- การเคลื่อนที่แบบ สุ่ม
- แต่ในหุ้นจะเป็นการเคลื่อนที่แบบสุ่ม (ไม่สามารถระบุการเคลื่อนไหวของหุ้นได้ล่วงหน้า)
- จึงเป็นที่มาของ Indicator ต่างๆบนโลก
- ในเมื่อกราฟเคลื่อนที่แบบสุ่ม
-- เราจะสร้างเส้นค่าเฉลี่ย ที่เป็นการเคลื่อนที่เชิงเส้น

- โมเดลออกแบบมาแบ่งเป็นกอง เป็นส่วนๆ จึงมีกระสุนในการเข้าทำ และโอกาสผิดมาก
- แต่ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงข้อผิดพลาด ที่พี่ต้านจะสอน จะเหมาะสมกับโมเดลของเรา

Multi Time Frame Trading
- สาเหตุที่ต้องใช้เพราะว่าจะทำให้เราไม่เป็นเหยื่อของ Game Theory
- เป็นสาเหตุที่ รายย่อยพอก้าวทันรายใหญ่ ไม่สามารถทำกำไรได้

- เป็นระบบ Hedge Fund ใช้เป็นสัญญาณซื้อขายในเวลาที่ต่างกัน เพื่อให้จับทางเราไม่ได้
- เหมาะสำหรับ KZM กอง CD เพราะ เราแบ่งเงินส่วนย่อยมามากพออยู่แล้ว
- ตัวอย่างการเข้า Order แบ่งการเข้าทำที่ราคา 30 , 60 , Day
- โดยแยกความคิดดังกล่าวเป็น 3 ส่วนคือ คนที่ 1 เทรด 30 นาที ,คนที่ 2 เทรด 60 นาที
คนที่ 3 เทรด 1 วัน

Noise ?
- สัญญาณผิดพลาดในเทคนิคที่เกิดขึ้น
- ส่วนนี้ คนกลุ่มหนึ่งจะมีการ Cut Loss >> เป็นจุดอ่อน
- สัญญาณระยะสั้น จะเกิด Noise ได้ง่าย >> เพราะซื้อขายบ่อย


- กราฟ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
- ใช้ระบบเชิงเส้น สร้างสัญญาณในการซื้อขาย
- ยิ่งถ้าเทรด กอง C ตามสัญญาณ แต่ละช่วงเวลา พร้อมกัน จะทำให้คนอื่นจับทางลำบาก
- อย่ากลัวที่จะผิด เพราะ Model สร้างมาเพื่อให้ผิดหลายครั้ง

** หลายครั้งที่ Multi Time Frame ถูกนำไปใช้แบบที่ ทำให้เกิดความลังเล เนื่องจาก บ้านเรามักรอ
Confirm ทุกๆสัญญาณ >> กลายเป็นดีดตัวกลับแทน >> เกิดความสับสน >> จะเชื่ออันไหนดี
>> สุดท้ายพลาดโอกาส >> พอตัดสินใจ >> ไปโดนจังหวะ Noise >> เกิดความกังวล >>
เกิดเป็นวัฎจักรแบบนี้เรื่อยๆ**

** การลงทุนในกอง CD ไม่เหมาะกับหุ้นรายตัว เนื่องจากหุ้นรายตัว มีคนคอนโทรลราคา
การสู้กับคนพวกนี้ต้องใช้ Virus Trading **

----------------------------------------------------------------------------------------
Q : ทำไมถึงเลือก WMAV ?
A: WMAV เป็นเส้นค่าเฉลี่ยที่ให้ความสำคัญกับข้อมูลในปัจจุบัน
- คนส่วนมาก วิเคราะห์และยึดติดกับข้อมูลในอดีตมากเกินไป

- การปรับจำนวนวัน ต้องให้เหมาะสมกับ Time Frame (TF) เพราะ ถ้าTF เล็ก >>
ปรับเส้นค่าเฉลี่ยน้อยเกินไป จะทำให้ราคา Sensitive

-สัญญาณการซื้อขายคือ เหนือเส้นซื้อ หลุดขาย >> ถ้าขาดทุนไม่ขาย

----------------------------------------------------------------------------------------





MudleyGroup : Hedge Fund Manager : EP1

Hedge Fund Manager 001
สรุปความรู้ที่ได้จาก : https://www.youtube.com/watch?v=DbQfoaQoR5M

Visual life วิเคราะห์ชีวิตที่ผ่านมาของตนเอง >> เพื่อที่ทำให้ตัวเองเดินต่อไปได้
ประวัติพี่ต้าน
- เป้าหมายภาพต้องชัด
- พี่ต้านยังไม่รู้ตัวเองว่าต้องการอะไร
-- แต่ชอบการแข่งขัน  >> ชอบแข่งแม้รู้ว่าสู้ไม่ได้
Ex Eng เกรด 1 แต่ไปสู้กับ เกรด 4 ,เล่นเกมส์กับเพื่อนแล้วแพ้ แต่จนชนะ
- เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ที่เสพติดความชนะ
- พี่ต้านชอบเล่นหมากรุก >> คิดว่าตัวเองมีพรสวรรค์ (เนื่องจากตัวเองเดินเร็วมาก)
- พรสวรรค์ เป็นแค่ตัวจุดสตาร์ด >> ทำให้เรียนรู้เร็วกว่าคนอื่น >> แต่มันประกอบด้วยอะไรหลายๆอย่างมาก
- เป็นนักหมากรุกที่อายุน้อย
-- เมื่อถึงจุดหนึ่งชนะ จนเชื่อว่าตัวเองเก่ง >> ไปเจอคนที่เก่งกว่า เกิดอาการช๊อค (อายุ 14)
-- ช๊อค >> รู้สึกยอมแพ้
-- มีความคิดว่าต้องแข่งกับคนที่เก่งกว่า เพื่อให้ตัวเองเก่งขึ้น >> แต่ผิดคาด >> ยอมแพ้เลย >> หันไปทำอย่างอื่น
- ช๊อค >> อ่านหนังสือ ไปเรื่อยๆ ที่มีในห้องสมุด (ไม่รู้จะทำอะไร) >> ความรู้สึกผิดหวัง ไปหมด >> แข่งไปหมด แข่งทุกอย่าง
* เจอสิ่งที่เราทำได้ดี แต่มันทำไม่ได้ตามเป้าของเรา >> ทำให้เกิดการช๊อค >> รู้สึกท้อแท้ >> ทำให้ยอมแพ้ในหลายๆเรื่อง >> ทำอะไรไปเรื่อยเปื่อย
* เป็นเรื่องของธรรมชาติที่ ส่งบททดสอบต่างๆมาให้เรา และ เราต้องเป็นคนทดสอบก่อน ถึงจะรู้ว่าเราจะไปต่อ หรือยอม
- จนถึงช่วง เอนทรานซ์ ต้องสอบเพราะคิดว่า ตัวเองไม่มีอะไรซักอย่าง คิดแค่ต้องสอบเข้า วิศวให้ได้
- พอไปเรียนก็สู้เขาไม่ได้ เรียนไม่รู้เรื่อง ,สู้เขาได้แค่คณิตศาสตร์ (เพราะมีพื้นฐาน)

จนวันหนึ่ง
- ยืนรอรถเมย์อยู่ มองเห็นตารางหนังสือพิมพ์ (หน่วยลงทุน) >> อยุ่ข้างหน้าหนังสือพิมพ์
- เกิดความสงใสว่าตัวเลขคืออะไร ทำไมมีการเคลื่อนไหวทุกวัน >> ตัดสินใจซื้อ (ไม่รู้ด้วยว่าตัวเองซื้อมาทำไม) >> ซื้อจนติดเป็นนิสัย
- บางทีทิ้งหนังสือพิมพ์ทั้งหมด แต่ตัดแต่หน้าตัวเลข
- คิดว่าถ้ามีตัวเลขเหล่านี้ เราจะทำยังไง
- เริ่มรู้ว่ามันคือตลาดหุ้น เริ่มเทรดตั้งแต่ปี 1
- ปี 1 เริ่มมีเงินจากการสอนพิเศษ กับเงินที่บ้านให้ (2 - 3 หมื่น)
- เปิดบัญชี โดน เทเรคอมเอเชีย >> Fail อีกครั้ง กลับมาคิดว่าต้องทำอย่างไร >>
แต่ไม่รู้สึก Fail เพราะเป็นมาตลอดชีวิต
- เริ่มศึกษาอาชีพ Trader >> ไปตลาดหลักทรัพย์ไปถามว่า Trader คืออะไร ? มันคืออาชีะอะไร ?
- หาหนังสืออ่านมากที่สุด หอสมุดต่างๆ (สมัยนั้นไม่มี อินเทอร์เน๊ต)
- เจอหนังสือเล่นหนึ่ง อธิบายอาชีพ Trader คือ ใช้เครื่องมือในระบบทุนนิยม ในการหาเงิน
- ตั้งใจว่า อาชีพนี้น่าสนใจ และมีความท้าทาย
- เริ่มศึกษา จาก Technical Analysis (TA)
- ศึกษาจนไปถามเพื่อน >> เพื่อนพาไปบ้าน พ่อที่บ้านจะโล๊ะหนังสือเกี่ยวกับ TA จึงไปขอมา
- ศึกษา TA จนไป Cut Loss เทเรคอมเอเชีย
- ใช้ TA ในการเทรด และกำไรตลอด ใช้ Slope ในการเทรด
(ถ้ามีการเปลี่ยนแปลง Slope) จะขายออกก่อน
- เทรดจนได้เงินคืนมา
- ทดสอบความรู้ โดยการไปแข่งที่ตลาดหลักทรัพย์ >> ชนะคู่แข่งขาดลอย (ตลาดขาลง)

- ลงหนังสือพิมพ์ >> ฝรั่งอ่านหนังสือ ไปติดต่อคนได้ลำดับที่ 1 - 2 - 3 >> แต่มีพี่ต้านไปคนเดียว (ไม่มีอะไรจะเสีย)
- ฝรั่ง 2 คนพนันกันว่า เทรดจากเดโม่ไม่สามารถเทรดจริงได้หลอก คนหนึ่งเดิมพันรอด อีกคนเดิมพันไม่รอด
- เอาพี่ต้านเป็นคนพนัน (ถ้าพี่ต้านทำได้คือ เปลี่ยนชีวิต)
* คนอื่นจะเห็นเราได้ เราต้องพิสูจน์ ในระดับหนึ่งก่อน
- ฝรั่งถามว่าสนใจที่จะเทรดให้เขาไหม (พอร์ตที่บริหารคือเงิน ประมาณ 10 ล้าน)
- ฝรั่งคนที่แพ้ขอ เดิมพันเพิ่มว่า ต้องให้พี่ต้านลาออกจากมหาลัยเพื่มมาเทรดให้เขา
- พี่ต้านยื่นโปรเจคจบเรียบร้อยแล้ว (รอจบ) >> พี่ต้านต่อรองว่าดรอปได้ไหม >> เขาไม่ยอม
- ถ้าพี่ต้านลาออกแน่นอน ให้เซนสัญญาแล้ว เอาเอกสารลาออกมายืนยันทีหลังได้
- ติดต่อไปว่าจะลาออกแน่นอน >> ไปเซนสัญญา (ไม่บอกทางบ้านเพราะถ้าที่บ้านรู้ จะโดนห้ามแน่นอน)
- เริ่มเทรด เพราะถ้าทำไม่สำเร็จ คือจบแน่นอน (ไม่มีปริญญา) มันคือชีวิต
- เริ่มคิดการบริหารพอร์ต ใช้เงินไม่เยอะ
- ประสบความสำเร็จในตลาด
- ใช้พอร์ตไปสมัครงาน ที่ Efinance เขารับ โดยเป็นวิทยากร
- มีการเขียนให้ เชียร์ หุ้น แต่พี่ต้านไม่เชียร์
- ตอนนั้นพี่้ต้านมี ECO เยอะมาก >> มองตัวเองว่าตัวเองเทรดได้แล้ว ใครจะไม
- ระหว่างที่บริหารพอร์ต พี่ต้านมีแอบไปเรียน คณะบริหาร ม.กรุงเทพ >> ดรอปเรียนจนลืม
>>แต่ไม่จบ เพราะถูกส่งตัวไปเมกาต่อ
- อยู่ดีๆ โดนส่งตัวไปเมกา >> โดยถามพี่ต้านว่า อยากรู้ไหมว่า Trader จริงๆเป็นอย่างไร ?

- ไปเมกามี ECO สูง >> ไม่ต้องการให้ใครมาสอนเรา
- ไปเจอ mentor >> เจอครั้งแรกมันเป็นไคร มาสอนเรา
- โดนสั่งว่าให้เราของไปเก็บที่เขา >> แล้วจะใช้ยังไง ?
- ให้เงินเป็นต่อสัปดาห์ >> โดยดำรงค์ชีวิตใน คาสิโนให้ได้
- ต้องเล่น Poker เพื่อดำรงค์ชีวิตให้ได้
- คนเกาหลี ถามคำถามแรก เกณฑ์ เท่าไหร่ถึงผ่าน - คำตอบอยู่ที่ mentor
- จัดกลุ่มกัน คน Asia จะจัดกลุ่มกันเอง เหลือพี่ต้าน
- พี่ต้านได้กลุ่มรัสเซีย กับคนยิว
- การคบเพื่อนต่างเชื้อชาติ
-- แต่ละเชื้อชาติมีความคิดที่แตกต่างกัน
-- คนรัสเซีย คิด+ คิดว่าเขามีเงินให้ตั้ง 50 เหรียญ >> พี่ต้านคิดว่า 50 เหรียญอยู่ยังไง
-- คนยิววางแผน เพื่อดำรงค์ชีวิตให้อยู่ในได้ 1 สัปดาห์ >> วางแผนหาสถานที่กินฟรี
>> คนยิว จะมาพร้อม กับคำตอบตลอด (เป็นคนน่าเกรงขาม)
- หน้าที่พี่ต้านเป็นคนที่นั่งเล่น
- คนยิวมีหน้าที่วางแผน วางแผนว่าต้องเล่นยังไง 1 - 2 - 3
- พยายามไปเรื่อยๆ มีการคิดถึงการเล่นที่เหมาะสม

รู้ว่า Poket สำคัญยังไง ?
- mentor ส่ง Coach มาสอน หลังจากเล่นมาซักระยะหนึ่งแล้ว
- จึงรู้เทคนิคมากขึ้น
- Poket ต้องมีการปรับเปลี่ยน แผนการไปเรื่อยๆ

- เจ้าของ คาซิโน เป็นเจ้าของ Board Street

ได้เซนสัญญาเข้ามาใน Board Street
- พี่ต้านมั่นใจ ว่าต้องชนะหลายๆคนแน่นอน เพราะพี่ต้านเคยเทรด TA มาแล้ว
- พี่ต้านใช้ TA เทรดแต่สู้คนอื่นไม่ได้ ที่โหล่ >> รู้สึกว่ามันไม่ใช้ มันผิดปกติ
* โทษโน้นโทษนี้ โทษทุกอย่างยกเว้นตัวเอง (มั่นใจว่าตัวเองเก่ง)
- mentor เข้ามาหาพี่ต้าน และบอกให้พี่ต้านเปลี่ยน method
- พี่ต้านต้องเปลี่ยน เพราะถ้าไม่เปลี่ยนก็ไม่ต้องเทรด
- method เป็นการเทรดโดยใช้ Fundamental (ใช้เวลานานในการเปลี่ยน (ครึ่งปี))
- กลับรู้สึกว่า คนที่เป็น mentor ระดับโลกดูถูกเรา (ECO สูง)
- เจอเพื่อน เพื่อนบอกว่า ให้คิดว่าเราเมื่อก่อนเราเป็นอย่างไร
(ตอนนี้เราเก่ง แต่เมื่อก่อนเราเริ่มต้นจากอะไร)
- มองว่าตอนนั้นที่เราล้มเหลว ทำให้ได้คิดว่า ทำไมเราไม่เปิดใจอย่างอื่นดูบ้าง ?
- เริ่มศึกษา  Fundamental ทำได้ดีขึ้น เรื่อยๆ และเมื่อกลับไปเป็นแบบเดิม (ECO)
จะทำให้ประสิทธิภาพแย่ลง
- ศึกษา ,เปิดใจ >> ไปแข่งขันได้ที่ 10 กว่า >> ไปสอบเฟริมใหม่
- เป็น Hedge fund >> ยื่นข้อเสนอว่า อยากเป็น Hedge fund ที่เปิด Fund ที่เมืองไทยได้

- งานที่พี่ต้านทำคือ เอาเงินไปลงทุนใน Fund ต่างๆ Copy กระบวนการต่างๆ ของFund นั้นๆ
ใช้ความสามารถ คณิตศาสตร์ ในการ Copy
- สิ่งที่สัมผัส ได้จากการติดต่องานคือ พวก Fund ต่างๆมี ECO น้อย
- ทำบันทึกไปเรื่อยๆ ไม่คิดว่าตัวเองจะได้ไปประชุมกับ Fund ต่างๆ >> มีการแลกนามบัตรกัน
- ต้องกลับมาทำ Hedge fund (Riccio)

------------------------------------------------
- ความเข้าใจของเรา คือ Fundamental เกี่ยวกับข่าว
- Fundamental ไม่เกี่ยวกับข่าวเท่าไหร่ จะเกี่ยวกับข่าวก็ต่อเมื่อมรการเปลี่ยนแปลง มากๆ
- ข่าวกลับทำให้เราเห็นมุมเดียว >> ข่าวทำให้เราเห็นคนละมุม
- ศึกษา Funddmental จริงๆ ต้องเห็น 2 ด้าน

เส้นทางการเป็น Fund manager
- การฝึกมีอะไรบ้าง
-- จินตนาการ ถึงความที่เรามีพยายามอย่างแรงกล้า
--- ตอนโดยดูถูก >> ทำเป็นพลัง >> จะมีความตั้งใจ
- ตั้งใจอย่างจริงจัง >>> ต้องเทรดให้ดีมากกว่านี้
จะทำอะไรซักอย่างจริง
-  ถ้าเราอยากเป็น มืออาชีพ เราต้อง Focus กับมันอย่างจริงจัง
- เราต้องฝึกฝนตัวเองตลอด
- เราต้อง Dual กับตลาดตลอด (ต้องเข้าใจ) >> ถ้าเรามีสกิว เราจะมีทักษะ
- เราเป็นคนรู้ตัวเราเองว่าเรามีขีดจำกัดตัวเองแค่ไหน
- เราต้องมีความสุขที่จะเรียนรู้มัน
- เราต้องรู้ว่าคนอื่นคิดยังไง >> แล้วเราจำทำอย่างไรให้ได้เปรียบ
- ทุกอย่างไม่ตลก ถ้าเราทำอย่างจริงจัง

ถ้าเรามาถูกทาง
- เราจะมีประสิทธิภาพ เพิ่มขึ้นเรื่้อย แต่เราไม่สามารถรู้อนาคตได้ >> มโนได้ แต่confirm ไม่ได้
- ถ้ารู้อนาคต เราก็ไม่จำเป็นต้องมี Risk management
- คำถามจะเป็นตัวตัดสินว่าเราชอบ หรือไม่ชอบ

หลังจากที่พี่ต้านมาสอนลง Youtube
- พี่ต้านได้รับอะไรหลายๆอย่างๆ
-- ทำให้คิดถึงเวลาในอดีต และบันทึกความรู้สึกนั้นลงใน ปัจจุบัน
-- ทำให้มอง Macro ดีขึ้นมากกว่าเดิม
-- เทรดดีขึ้น
- ทำให้ไม่สนใจในสิ่งที่ผิดถูก
Ex พวก Gamer สตีม เขาจะเก่งขึ้น เพราะได้ถ่ายทอดมันออกไป

ถ้ามีคนไม่เข้าใจเรา
- ถ้าเรารักมันจริงๆ เราจะหาวิธีการเอง
- การจะเป็นเทรดได้ เราต้องคิดทุกอย่าง ให้รอบด้าน เพราะมันเป็นเกมส์ที่ต้องเจอ

คนเราให้ความสำคัญ กับแต่ละสิ่งไม่เท่ากัน
Ex ถ้าเราให้ความสำคัญ กับครอบครัว ถ้าเหลือเวลา 5 ชั่วโมงเราก็จะกลับไปหาครอบครัว
- ลองถามตัวเองว่าอยากเป็น Trader จริงไหม >> ยอมตายคาหน้าจอได้ไหม ?

- พี่ต้านเดินสายลงทุนตามธรรมชาติ (ให้ตลาดบอก)
- ถ้าถูก จะมีกำไร
- ถ้าผิด จะติดลบนาน โดยดูที่ค่า T (เวลา) >> ไม่มี Cut Loss
-- ลงทุนด้วย ความจริงทาง ตรรกะ
- ตรรกะ ทางคณิตศาสตร์ เป็น Down Trend จะอยู่ใต้ MA
- ถ้าถูกทางจะเทรดได้ตัง

Q : แล้วจะแก้ปัญหา SW ยังไง
A : ถ้า SW ยังไงก็จะได้เงิน >> ถ้าเป็น SW มันจะบอกเราเองว่าจะ SW ไปทางไหน
- การเทรดจะบอกเราเองว่า เราจะเทรดทิศทางไหน
- มองดูว่าเราได้ เงินจากตรงไหน
- ถ้ารู้ว่าได้ เงินจากตรงไหน เราก็เล่นไปทางนั้น

------------------------------------------------
Update Macro
- ทองคำ ค่อยๆขึ้นมาเรื่้อยๆ
- หุ้นเหมืองทอง ค่อยๆ เนียนขึ้นมาเรื่อยๆ
-global ใช้เวลานาน (มีช่วงเวลาในการเก็บ)

Bitcoin (ความคิดเห็นเมื่อ 2015)
- ถ้าจะมีมูลค่าต้อง ผูก Asset
- ไม่ได้รองรับ พฤติกรรมมนุษย์มากนัก
- ถ้ามีการครอบคลอง มันจะมีพลังงานมาก
- ถ้าจะทำให้ BTC มีมูลค่าสูง ต้องผูกกับกิจกรรมของมนุษย์ได้

------------------------------------------------

เพิ่มเติม
- 0002 : MudleyGroup - ระบบทุนนิยม :
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/10/0000-etc.html
- 0004 : MudleyGroup - กลยุทธ์ และจุดอ่อน :
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/11/0004-mudleygroup.html