Stock : การอ่านงบการเงิน [สรุป] : EP16

การอ่านงบการเงิน [สรุป]
สรุปภาพรวมจาก : http://yutaro-diary.blogspot.com/2018/04/0030-thai-stock-15.html

--------------------------------------------------------------------------
งบดุล

--------------------------------------------------------------------------
งบกำไร ขาดทุน


--------------------------------------------------------------------------
งบกระแสเงินสด


--------------------------------------------------------------------------
สรุปทั้งหมด



--------------------------------------------------------------------------

MudleyGroup : Mudley Live Skill score : EP9

Mudley Live Skill score
สรุปความรู้ที่ได้จาก
Link : https://www.youtube.com/watch?v=247E6NjW-cs

-----------------------------------------------------------------------------------


Skill Point
- มีที่มาจากเมกา
-- มีหลายชื่อ แล้วแต่สถานที่ แต่ละที่ บางที่อาจเรียก การบริหารเวลา

- แบ่งเป็น 3 วง
-- Primary Skill เป็นสกิวหลัก [Core Skill]
--- ทักษะหลักที่เราอยากจะเก่ง หรือเป้าหมายหลักในชีวิตของเรา >>  เราจำเป็นต้องเขียน
--- การจะมี  Primary Skill เราต้องมีเป้าหมายก่อน [Goals] ว่าเราจะไปทางไหน
--- ถ้าเรามี เป้าหมายหลายอย่างเราต้องแบ่ง Primary Skill เป็นการฝึกหลายๆอย่าง
---- มันจะทำให้ยากขึ้น แต่ยังไงก็ขึ้นอยู่กับการจัดสรรเวลา [อาจไปรบกวนเวลาหลับ]
--- เมื่อเรารู้เป้าหมาย เราก็จะต้องพัฒนาวางแผนสิ่งที่จะเรียนรู้ เพื่อให้เป้าหมายสำเร็จ
Ex ถ้าเรากินเหล้า เราแฮ้งเราตื่นไม่ไหว จะส่งผลกระทบ Skill Pointในอะไรหลายๆอย่าง
# คนเราจะพัฒนาได้มันอยู่ที่การฝึกฝน >> และมันจะออกเป็นรูปร่างชัดเจนมาก
Ex สังเกตุ ฝรั่งเวลามันเจอ มันจะมุ่งไปทางนั้น มันเลยไปได้เร็ว
--- คนเจอเร็วยิ่งได้เปรียบ
--- ในเมกาคน เจอเร็วได้เปรียบ เพราะว่า มัน ช่วยเหลือทุกอย่าง [ทำระเบิด ปืน]
# ถ้าเราอยากเป็นคนเก่ง หนีไม่พ้นเรื่องการจัดการจัดสรรค์
>> เราไม่สามารถทำทุกอย่างได้ >> และเราก็จะเป็นเป็ดจริงๆ เราต้องยอมรับ
>> บางคนมีปัญหาเพราะเราไม่ยอมรับ เป็นอีกสาย อยากเป็นอีกสาย
--- การฝึก Primary Skill  หนีไม่พ้น ทางร่างกาย และจิตใจ
>> เพราะ แต่ละคนมีสมาธิไม่เท่ากัน >> ถ้าจะเป็นมืออาชีพ เราต้องฝึก
--- ถ้าไม่คิดจริงจังแต่แรก ให้เลือกเป็นงานอดิเรกเถอะ !!
Ex ถ้าอยากเป็นนักกีฬามืออาชีพ จ่ายแค่ 8 Point อย่าเป็น เพราะคนอื่น เขาจ่ายมากกว่านี้
--- บางทีเราอาจ Win แค่ 2 - 3 เกมส์ แต่ไม่สามรถชนะตลอด
--- ในรัซเสียบอกว่า ถ้าเราใช้ 8 Point ต่อวัน เราไม่สามารถเป็นมืออาชีพได้
--- มาตราฐานที่เราสามารถเอาตัวรอดได้ อยู่ที่ 10 ปี เร็วสุด 7 ปี

- ข้อดีของชีวิต คือเราสามารถออกแบบ ชีวิตเราได้ แต่เราต้องรับผลของการออกแบบเรา
-- ถ้าเราเลือกไปแล้ว มันต้องมีสิ่งที่สูญเสียแน่นอน [ต้องแลก]
-- เราไม่สามารถ Re Skill ได้

-- Secondary Skill
--- เป็นส่วน Support Primary Skill เป็นตัวเสริม
--- เป็นส่วนที่ทำให้คนแซงกันได้ 8 ชั่วโมง คนอื่นฝึกมาเหมือนกัน ตรงนี้จะเป็นส่วนที่ทำให้แซง
--- บางคนอาจใช้ ทิ้งขว้าง [ดู Youtube Facebook] มันอยู่ที่ความเชื่อของเรา
--- บางคนอาจเอาไปจ่ายในเวลาครอบครัว

-สังเกตุเวลาเราทำงาน เรามักกำหนดเวลาที่ 8 ชั่วโมง 9 ชั่วโมง
-- มันทำให้กินเวลาทักษะ หลัก เราจะสูญเสียไปวันละ 8 Point ไปเรื่อยๆ

- ในหนึ่งวันเราได้รับ Score Point วันละ 24 Point [ทุกคนได้เท่ากันต่อวัน]
# ดังนั้นความชำนาญต่อคน จะไม่เท่ากัน ตามระยะเวลา
- เวลาทุกนาทีจะทำให้คนเราแตกต่าง
- ถ้าเราไม่อัพสกิว >> ในวันรุ่งขึ้น Reset Skill Point ใหม่

- ใน 1 วันเวลาเราแบ่งออกเป็น 3 ส่วน
-- อันดับแรกคือ พักผ่อน ฟื้นฟูร่างกาย หรือ Heal
--- บางคนอาจหลับ 6 ชั่วโมง Nap ชั่วโมงหนึ่ง ออกกำลังชั่วโมงหนึ่ง
-- ถ้าเรา Heal น้อย แลกกับชีวิตที่สั้นลง

-----------------------------------------------------------------------------------
จริงจัง ไม่ใช่เครียด
- คนไทยเวลามองคนอื่นจริงจัง มักมองเครียดด้วย
Ex อย่าไปเครียดหน่า
- ความเป็นจริงมันคนละส่วนกัน
- บางคนจริงจังแล้วมีความสุข
Ex นักดนตรี เล่นดนตรีจริงจัง แต่มีความสุข

-----------------------------------------------------------------------------------


-----------------------------------------------------------------------------------
Q : concept  money management คือ
A : - ซื้อของยังไงก็ได้ ไม่ให้เงินหมด
- เพราะเมื่อไหร่ที่เงินหมด นั้นคือเราต้อง Cut loss
- คิดถึงหลักการของร้านขายของชำ

Q : ประเทศเดียวที่ทำ QE แล้วเงินไม่อ่อน
A : - เพราะทำก่อน และกลายเป็นพระเอกทีหลัง
- จีนลดดอกเบี้ย เพื่อไม่ให้เงินทะลักเข้ามา ไม่อยากให้เงินกระดาษเงินที่พิมพ์ เข้ามา
- พอจีนลดดอก เงินไปเข้าตลาดหุ้น
- จีนลดค่าเงินหยวน เพื่อไม่อยากให้ค่าเงินแข็ง >> เพราะตอนนี้ เศษรกิจแย่อยู่
>> ถ้าเงินแข็ง
- เมื่อเงินไม่สามารถเข้าจีนได้ เงินก็ไหลเข้าตัวเอง >> มีการแลกเปลี่ยนเป็นของตัวเอง
>> ทำให้เงินสกุลตัวเอง เสถียร
- ถ้าเงินไหลเข้าประเทศไหน เงินแข็งแน่นอน

-----------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเติม
- 0002 : MudleyGroup - ระบบทุนนิยม :
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/10/0000-etc.html
- 0004 : MudleyGroup - กลยุทธ์ และจุดอ่อน :
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/11/0004-mudleygroup.html
- 0006 : MudleyGroup - Hedge Fund Manager 001 :
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/11/0006-mudleygroup-hedge-fund-manager-001.html
- 0008 : MudleyGroup - Hedge Fund Manager 002 :
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0008-mudleygroup-hedge-fund-manager-002.html
- 0009 : MudleyGroup - Trader ยุคใหม่ และโอกาส
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0009-mudleygroup-trader.html
- 0010 : MudleyGroup - เฉลย ข้อสอบกลางภาค 2016
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0010-mudleygroup-2016.html
- 0011 : MudleyGroup - Dark Side Begin
http://yutaro-diary.blogspot.com/2018/04/0011-mudleygroup-dark-side-begin.html
- 0012 : MudleyGroup - Energy Management [0]
https://yutaro-diary.blogspot.com/2018/05/0012-mudleygroup-energy-management-1.html
- 0013 : MudleyGroup - Live From Russia 1
http://yutaro-diary.blogspot.com/2018/05/0013-mudleygroup-live-from-russia-1.html
- 0014 : MudleyGroup - Energy Management [1]
http://yutaro-diary.blogspot.com/2018/05/0014-mudleygroup-energy-management-1.html
- 0015 : MudleyGroup - Energy Management [2]
http://yutaro-diary.blogspot.com/2018/05/0015-mudleygroup-energy-management-2.html
- 0016 : MudleyGroup - Energy Management [3]
http://yutaro-diary.blogspot.com/2018/05/0016-mudleygroup-energy-management-3.html
- 0019 : MudleyGroup - Zone , Barchart
http://yutaro-diary.blogspot.com/2018/05/0019-mudleygroup-zone-barchart.html
- 0020 : MudleyGroup - Macro Mindset
http://yutaro-diary.blogspot.com/2018/05/0020-mudleygroup-macro-mindset.html

Mudley World : Start [Demo] : EP9

Mudley World - Start
-----------------------------------------------

- เทรด Mudley World เป็นการเทรดแบบ Block
- มีทั้งหมด 2 Block , Block ละ 4 นัด รวม 8 นัด
-----------------------------------------------
วิธีการเทรด
- เลือกคู่เงินเทรด
-- Bias Long ,Swap +
โบรคที่ใช้อ้างอิง คือ Pepperstone
------------------------------------------------ Block A
-- เลือกคู่เงิน ที่มีการ Buy โดย คู่เงินที่ Buy เป็นคนละ สกุล
-- Order 1 , 2 เปิดก่อน >> ถ้าลบมาก จะเปิด Order 3 , 4 ตามไป
# มีค่าเงินที่ Sell ร่วมกันคือ CHF ดังนั้นจึงเปิดพร้อมกันทั้งหมดไม่ได้

- Block B
-- เลือกคู่เงิน ที่มีการ Buy คนละ สกุลเพื่อไม่ให้ แต่ละคู่เงิน เกิดความสัมพันธ์กัน
-- เปิด ที ละ Order โดยไล่ลำดับ Order 1
-- เปิด Order 2 , 3 , 4  แก้ตามลำดับ

-----------------------------------------------
เริ่มเปิด Order
Block A

GBP / CHF
- สาเหตุที่เปิด Order
-- มองว่าข้างล่างคือ แนวรับ = เปิด Order เส้นสีแดง



- สาเหตุที่เปิด Order
-- มองว่าราคาทดสอบ แนวนี้บ่อยจากอดีต
-----------------------------------------------

Mudley World : Mudley World : EP8

สรุปความรู้พี่ๆที่ได้ไป Mudley  ที่ เชียงใหม่
บทที่ 8 :  Mudley World
Link 1 : https://medium.com/@kinyod/chapter7-fact-opinion-83bb32c7616a

--------------------------------------------------------------------------------
Mudley World

- การเทรดใน Mudley World จะมีการเพิ่ม Level
Level - Mudley World
Level 1
- ให้ Block Trade 2 Blocks 8 นัด
- เลือก Product แล้วห้ามเปลี่ยน
# Fix Product / Fix RP
- เมื่อเทรดครบ 10 Credit [1000 Pips] >> Up level เป็น Leve 2 >> ได้รับโบนัส 1 แต้ม
- โบนัสที่ได้ สามารถแลก กระสุนพิเศษ [Block Trade [4 นัด] หรือ Scalping 1 นัด]

Level 4
- จะได้ Bonus 6 แต้ม จะมี Block แบบใหม่ให้เลือก 2 แบบ
-- Block กระสุนขนาด 2 Unit ใช้แต้มโบนัส 2 แต้ม
-- Block กระสุนขนาด 3 Unit ใช้แต้มโบนัส 3 แต้ม
Ex - กระสุน 1 Unit เวลาเทรด 10 Pips ได้ 1 Credit
- กระสุน 2 Unit เวลาเทรด 10 Pips ได้ 2 Credit
- กระสุน 3 Unit เวลาเทรด 10 Pips ได้ 3 Credit

Bonus 6 แต้ม สามารถเลือก
-  Scalping 6 นัด หรือ
- Block แบบใหม่ 2 Unit ได้ 3 Block หรือ
- Block แบบใหม่ 3 Unit ได้ 2 Block หรือ
- ผสมกันตามกลยุทธ แต่ละคน

Level 5
- จะได้ Block Trading "Silver" 8 นัด Buy ได้อย่างเดียว

Level 6
- สามารถรับงาน Quest จาก Mudley หรือ Partner ได้
- จะได้รับเป็น Quest credit และจะโอนเป็น Wealth credit >> สามารถเปลี่ยนเป็น Mudley Coin ได้

--------------------------------------------------------------------------------
Q :
A :
--------------------------------------------------------------------------------
อ้างอิง
Link 1 : https://medium.com/@kinyod

Mudley World : Fact opinion : EP7

สรุปความรู้พี่ๆที่ได้ไป Mudley  ที่ เชียงใหม่
บทที่ 7 :  Fact opinion
Link 1 : https://medium.com/@kinyod/chapter7-fact-opinion-83bb32c7616a

--------------------------------------------------------------------------------
Fact opinion
- Fact = ความจริง
- Opinion = ความคิดเห็น
- "วิธีการแยกแยะข่าว วิธีหนึ่ง โดยดูจากข้อเท็จจริง และความขัดแย้งของข้อมูล"
- ข่าวฟรีตามท้องตลาด มักจะมี Fact ผสม เราต้องพัฒนาสกิล เพื่อแยก Fact ออกมา

ประโยชน์
- ถ้ามีความชำนาญ เราจะสามารถพิจารณา จุดเข้าออก ที่เหมาะสมกับ CS / Block trading
-- Close System คำนึงถึง Discount / Premium
-- Block Trading คำนึงถึง Trend / ออกจาก เทรด ด้วย fact opinion
- ใช้ร่วมกับทฤษฎีผลประโยชน์
-- "คนส่วนน้อยในตลาดทำกำไร" >> มองคนส่วนมาก ทำอะไรตรงข้าม
- ใช้ในการลงทุนแบบ Value Investor >> เทรดตาม Fact
-------------------------------------------------
ตัวอย่าง
- น้ำมันราคาตกถึง 28$ จากข่าวน้ำมันจะราคาตกถึง 10$ เพราะมีการใช้พลังงานทางเลือก
-- Fact : น้ำมันยังใช้ทั่วโลก
-- Opinion : พลังงานทางเลือกจะมา

- Bitcoin
-- Fact : คนยังใช้ไม่เยอะ
-- Opinion : อนาคตราคาจะขึ้นไปอีกเยอะ

- Tesla Elon Musk [CEO] เก่ง แต่ราคาหุ้นสูงเกินไป
- ทอง $1200 จุด ที่Fact กับ Opinion ต่างกัน >> ให้ Buy ราคาหน้าเหมือง เพราะเงินเฟ้อ
>> คนเก็บทรัพย์สินในที่ปลอดภัย
- Set index 1700 จุด ราคาสูงไป ต่างชาติโจมตี

-------------------------------------------------
ทฤษฎีผลประโยชน์ Vs fact opinion
- ทฤษฎีผลประโยชน์ คนส่วนน้อย ไม่สนใจเหตุผล เหตุผลตามมาทีหลัง
Ex ราคาทอง $1000 แล้วค่อยหาเหตุผลว่าเงินเฟ้อ
- คนส่วนใหญ่จะขาดทุนในการลงทุน เราต้องทำแบบคนส่วนน้อย
- เมื่อเกิดสภาวะผิดปกติ [การซื้อขายมากกว่าปกติ] เราไม่ต้องสนใจเหตุผล
>> มองมูลค่าของ Product ที่แท้จริง >> เมือราคาสะท้อนมูลค่าไปแล้ว >> เหตุผลจะตามมา

"Fact opinion มองเหตุผลก่อน"

-------------------------------------------------
ข้อแนะนำ และข้อควรระวัง
1. การฝึกแยกแยะ Fact - Opinion ในภาพใหญ่จะมีประสิทธิภาพมากกว่า
2. เราไม่สามารถรู้ข้อเท็จจริง ได้อย่างครบถ้วน >> เลยต้องทำการบ้านเยอะๆ
3. ฝึกบ่อยๆ สร้างความชำนาญให้มากขึ้น
4. ควรมี Money Management อย่างเหมาะสม
- บางครั้งเรา Action ตาม Fact แต่ราคาอาจไม่เป็นไปตาม
5. เรื่อง Fact - Opinion จะใช้ได้ดีจะต้องมีปัจจัย 3 อย่าง
5.1 เหมาะสมทางปัจจัยพื้นฐาน Global Macro รองรับ
5.2 เหมาะสมทางเวลา เวลาที่มี Volatility สูง [มีเงินเข้าเยอะ]
5.3 เหมาะสมทางจิตวิทยา [เกิดการ Drive ของราคา]

--------------------------------------------------------------------------------
Q :
A :
--------------------------------------------------------------------------------
อ้างอิง
Link 1 : https://medium.com/@kinyod

0002 : Forex - Leverage

Leverage
- เปิดบัญชีใหม่ Leverage เท่าไหร่ ?
- Leverage เป็นดาบ 2 คม
- ข้อดีคือ สามารถทำให้เราเปิด Lot ใหญ่ได้มากขึ้น แต่ MM เราจะเสียหมด
- เปิด Lot ใหม่เกิน เราล้างพอร์ตได้ง่าย

-ในสมัยก่อนใช้เงินเยอะ พวกที่เทรดจึกเป็นพวกสถาบัน
Ex Eur/Usd 1 Lot จะต้องใช้เงิน
-- Standard = 100,000 Unit [1 Lot ใช้เงิน 100,000 Eur] [1 Lot ใช้เงิน 3,800,000 บาท]
-- MiNi = 10,000 Unit [1 Lot ใช้เงิน 10,000 Eur]
-- Micro = 1,000 Unit [1 Lot ใช้เงิน 1,000 Eur] [1 Lot ใช้เงิน 38,000 บาท]
# ทำให้คนธรรมดาทั่วไป เทรดไม่ได้เพราะต้องใช้เงินเยอะ
- เกิดการย่อยบัญชี Standard >> MiNi  >> Micro

Ex บัญชีเล็กสุด Micro เราต้องใช้เงินขั้นต่ำ 38,000 บาท >> ทำให้หลายคนเทรดไม่ได้
[ในกรณีเทรด Eur/Usd]
- ถ้าเรามีเงินน้อย >> เราสามารภเทรดได้โดยใช้ Leverage เข้ามาช่วย

Ex - สมมุติ 38,000 บาท = 1,000 Eur
- ถ้าเรามีเงิน 10 Eur = 380 บาท แล้วเราใช้ Leverage 1 : 100
- เราจะสามารถใช้เงิน ในการซื้อขายได้ 380 x 100 = 38,000 บาท
- เราจึงสามารถใช้เงิน 380 บาท เทรดบัญชี Micro ได้ และเทรดได้สูงสุด 1 Lot

# ยิ่ง Leverage เยอะ เราก็สามารถ เทรด Lot ได้เยอะ

-----------------------------------------------------


- Balance - เงินที่เราหักลบ กับ Order ที่เราปิดแล้วทั้งหมด
- Equity - เงินที่รวมผลกำไรขาดทุนที่ยังไม่ปิด Order
-- Balance + (+-) Profit = Equity
-- ถ้ากำไรจะมีค่ามากว่า Balance
-- Margin + Free Margin

- Margin - เป็นเงินที่เราวางไว้ที่ Broker กันกราฟกระชาก
-- เกิดขึ้นเมื่อ เราเริ่มเปิด Order
-- เราสามารถลบได้ถึงแค่ Free Margin
-- ถ้า Free Margin หมด จะเหลือเงินส่วนนี้ไว้ดูต่างหน้า
- Price x Lot x Contract Size / Leverage x 2
- Lot x Contract / leverage
Ex ทอง 1200$
1200 x 0.01 x 100 / 2000 x 2.00 = 1.2
Ex Eur/usd
0.01 x 100000 / 2000 = 0.500 Eur
หรือ [ราคาปัจจุบัน] x 0.5 = $   :   1.3679 x 0.5 = $0.68395

- Free Margin - เงินที่ใช้ได้
-- Free Magin = Equity - Margin

- Margin Level [%] - Margin ควรรักษาให้ได้มากกว่า 1000 %
-- จะเปิดเพิ่มควรมากกว่า 1000%
-- ถ้าลดลงมาต่ำมาก [เหลือประมาณ 30%] >> จะเกิดการ Stop Out
>> เขาจะตัด Order ที่ Lot ใหญ่สุดของเราก่อน >> แล้ว % เพิ่ม
>> จะวนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะล้างพอร์ต
- [Equity / Margin] x 100 = %Margin
-----------------------------------------------------
- 2 บัญชีที่เงินเท่ากัน แต่ Leverage  ต่างกัน
- จะถูกดึง Margin ไม่เท่ากัน
- บัญชี ที่เปิด Leverage  มาก จะมีดึง Margin น้อยกว่า บัญชีที่ Leverage  มาก
- Leverage มาก : Leverage  น้อย = Margin น้อย : Margin มาก
- ถ้าเกิดเราเปิด Order แล้วล้างพอร์ต บัญชีที่ Leverage น้อยจะเหลือเงินมาก
- Leverage ที่มากจะล่อให้เราเปิด Lot ใหญ่

# เราไม่สามารถเปิด 1 Lot จากเงิน 1,000$ และ Leverage 1 : 100 ได้ = 100,000 Unit [พอดี]
- เนื่องจากเราจะถูก ดึง Margin ไปด้วย

--------------------------------------------------------------------------------
Q :
A :
--------------------------------------------------------------------------------
อ้างอิง
Link 1 : https://www.youtube.com/watch?v=ss5nrSDeZaY
Link 2 : https://www.junjao.com/board/index.php?topic=567.0

Mudley World : Statistics : EP6

สรุปความรู้พี่ๆที่ได้ไป Mudley  ที่ เชียงใหม่
บทที่ 6 :  Statistics
Link 1 : https://medium.com/@kinyod/chapter6-statistics-record-adcd1e2b7129
Link 2 : https://medium.com/@m.pakawat23/
basic-trading-by-mudley-group-statistics-6-63af3f4b8e49


--------------------------------------------------------------------------------
Statistics
- การเก็บรวบรวมข้อมูลต่างๆ พัฒนาการเทรดให้ดีขึ้น [มีประสิทธิภาพมากขึ้น]

การเก็บข้อมูลแบ่งเป็น 2 แบบ
1. การเก็บข้อมูลธรรมดา
- เข้า ออก Order ,Max DD ,Winrate ,Continuous ,Comm ,Swap ,Buffer ,Emotion
- Cash Flow ,จำนวนรอบของ Order [Close system]
2. เก็บข้อมูลแบบละเอียด
- เพิ่มเวลา [Time] เข้ามาร่วมด้วย
- มีการสำรวจว่า Order วิ่งแบบไหนก่อนถึง Tp
- ในเรื่องของเวลา ถ้าเกิน 10 ชั่วโมง แล้วยังไม่ Tp หรือยังไม่อยู่ใน Position +
>> แสดงว่าเริ่มมีปัญหาหละ
Ex ระบบหนึ่ง มี TP /SL [100 : 100] [R : R = 1 : 1]
[R : R = 1 : 1]

ตัวอย่างตารางเก็บข้อมูล



-------------------------------------------------
ข้อแนะนำ
- การสรุปข้อมูล Winrate จะทำให้ปรับ จุดเข้าออกที่เหมาะสม
>> ควรเก็บข้อมูลนานพอสมควร [ควรจะ 200 - 300 Order]
>> ครอบคลุมทุกสภาวะ DownTrend / Uptrend / Sideway
- การสรุป ข้อมูลควร Focus ที่หัวข้อบางอย่าง เช่น Win Rate ,Risk ,Time
- การสรุปข้อมูล เพื่อปรับปรุงระบบ
-- หากเป็น Reward ควรใช้ค่า Average
-- ส่วนค่า Risk ใช้ Worst Case [Max DD]

--------------------------------------------------------------------------------
Q :
A :
--------------------------------------------------------------------------------
อ้างอิง
Link 1 : https://medium.com/@m.pakawat23
Link 2 : https://medium.com/@kinyod

Mudley World : Scalping : EP5

สรุปความรู้พี่ๆที่ได้ไป Mudley  ที่ เชียงใหม่
บทที่ 5 :  Scalping
Link1 : https://medium.com/@kinyod/chapter-5-scalping-9356fdc4e7c4
Link 2 : https://medium.com/@m.pakawat23/basic-trading-
by-mudley-group-scalping-5-2821dbfeee91


--------------------------------------------------------------------------------
Scalping
- เทคนิคส่วนนี้ใช้ Cash Flow เท่านั้น
- การใช้เทคนิคในการแสวงหากำไรในการกำหนด TP / SL
- การทำ Close System ไม่ได้ทำให้เป็น Trader ที่ดีได้
# ลำดับการใช้งาน และการต่อยอดความรู้ Close System >> Block Trade >> Scalping

วัตถุประสงค์
- สามารถเร่งการ เติบโตของพอร์ตได้ดี [มากกว่า Block Trading และ Close System]
- พัฒนา Skill ในรูปแบบ การเทรด มี Stop Loss ได้ดีขึ้น

Scalping รู้เทรนอย่างเดียวไมไ่ด้ !! ต้องรู้จังหวะของตลาดด้วย
>> ต้องพัฒนามากจาก Block [ซึ่งไม่มี SL] ถ้ายังไม่ Flow อย่าพึ้ง  Scalping

-------------------------------------------------
เริ่มต้นสร้าง Model
- เริ่มแรก เราควรต้อง TP , SL ให้เป็น 1 : 1 ก่อนเพื่อหา %Winrate
- เราต้องแยก [เก็บ Stat ให้ชัดเจน] >> เก็บอย่างน้อยเป็นปี เก็บสั้นมองไม่เห็นผล

Risk : Reward = 1 : 1
หลักการพิจารณา
- % Winrate > 50% [R : R = 1 : 1] = ใช้ได้ ถ้าให้ดีต้องมากกว่า 60% ขึ้นไป
Ex เทรด 100 ครั้ง Win 55 ครั้ง Loss 45 ครั้ง [Win 55%]
-  % Winrate < 50% [R : R = 1 : 1] = อาจต้องยิงสวน Model หรือปรับปรุงระบบ หรือปรับ R : R
Ex เทรด 100 ครั้ง Win 30 ครั้ง Loss 70 ครั้ง [Win 30%] ถ้าสวน Model จะได้ [Win 70%]
- % Winrate = 50% [R : R = 1 : 1] = ปรับปรุงระบบ หรือ ปรับ R : R[จากเดิม 1:1 > 1:2]

Risk : Reward = 1 : 2
Ex Win 40 ครั้ง x ครั้งละ 100 Pips = 4,000 Pips
Loss 60 ครั้ง x 50 ครั้งละ 50 Pips = 3,000 Pip
- ยังกำไรสุทธิ 1,000 Pip
- ระบบ อาจจะดี แต่จุดเข้าอาจไม่ดีก็ได้# ต้องเก็บ Stat ให้นานพอสัก 2 ปีขึ้นไป และควรเก็บ Stat ทีละ Product แยกกัน
- การแก้พอร์ต เราจะต้องหา Cash Flow มาแก้ ไม่ Cut Loss จนกว่าจะมี Cash Flow มาแก้
- ระบบ ที่ R : R = 1 : 1 แล้ว Winrate สูง หาได้ยากมาก ให้ปรับ R : R ดีกว่า

-------------------------------------------------
ประเภทของ Scalping
1. Classic
- ทำได้หลากหลาย ไม่มีข้อจำกัดใดๆ [Prop Trade]
- มองเวลาเป็นความเสี่ยง ไม่ถือ PosiTion ข้ามวัน
- เก็บ Stat เป็นการเทรดเน้น Scalping ใช้ความสามารถของตนเอง แสวงหาช่องโหว่ในการทำกำไร
- การเข้า Order แม่นมาก ยิง Order แล้วกราฟวิ่งเลย
# ใช้ทุนน้อย ,Model Winrate สูง ,Size Position ถ้าใหญ่ประสิทธิภาพลดลง

Classic Profit = Position x Range
Ref : https://medium.com/@m.pakawat23/basic-trading-by-mudley-group-scalping-5-2821dbfeee91
2. Umbrella Or Sniper : Scalping
- มอง Volatility  [ความผันผวน] เป็นความเสี่ยง
>> ใช้การเลือน TP / SL ออก แต่ Position คงเดิม [Risk : Reward ค่อนข้างต่ำ 0.5 : 1]
- ยิง Order แล้วกราฟยังไม่ไปตามทิศทางทันที [Hedge Fund ใช้]
# Close System ถือเป็นส่วนหนึ่งของ Umbrella เพราะกำหนด TP / SL สูง

Umbrella
Ref : https://medium.com/@m.pakawat23/basic-trading-by-mudley-group-scalping-5-2821dbfeee91
* Risk : Reward ที่ดีที่สุดคือ Global Macro !!

ข้อดีของ Scalping
- Scalping จะเร่งการเติบโตของ Portfolio ได้ หากเทรดได้ดี
- ไม่ต้องวางเงินเต็ม ใช้ทุนน้อย ใช้ Leverage ในการเทรด ไม่เหมือน Block Trading / Cs
- มี SL ไม่สนใจ Trend [ตรงข้ามกับ Block เพราะ Block ไม่มี Sl เราจึงจำเป็นต้องเกาะ Trend ]

ข้อควรระวัง และแนะนำ
1. การเทรด Trade Scalping ต้องใช้ Cash Flow จาก Close System หรือ Block Trade เท่านั้น
>> สามารถช่วยในเรื่อง Mental และความพร้อมในการเข้าจังหวะ
2. ควรวิเคราะห์ และรู้ว่าช่วงไหน ดี ช่วงไหนควรหยุด
- เราไม่สามารถเทรดได้ดีตลอดเวลา เราต้องพลาดบ้างเป็นธรรมดา
>> มันมี Time ของเขา และ Time ของเรา
-- NAV ลดลงสามารถใช้เป็นจังหวะหยุดได้
3. ไม่มีการวางเงินเต็ม ดังนั้นอาจล้างพอร์ตได้ >> ต้องดึงทุนออกสม่ำเสมอ
- หลายคนพลาดที่พยายามทบต้นเรื่อยๆ
- Hedge Fund ใช้ Leverage น้อย เพราะ SL ไม่ได้
4. ต้องมีการจัดการ Mental ที่ดี [อย่าให้ Dark Side ครอบงำ]
- ระวังในกรณีที่เรา โดนบีบ Order อาจทำให้วินัยหลุด >> ทำให้ Action เราแปลกๆ
5. ต้องมีวินัย ทำตามแผน อย่างเคร่งครัด เพื่อให้เราสามารถวัดผลการเทรดได้
6. ควรมีหลากหลาย กลยุทธ์ เพราะมีหลากหลาย สภาวะ [ตลาดมีจังหวะของมันเสมอ]
# ตลาดเป็น Trend 30% และ Sideway 70%

-------------------------------------------------
การฝึกเทรด Blue Point Trading เพื่อเป็น Prop Trader
- ปัจจุบัณมี Firm หลาย Firm รับสมัคร Trader เข้าร่วม
Ex Blue Point >> เน้นการ Scalping เป็นหลัก
Link : https://www.blue-point-trading.com/
เงือนไขคร่าวๆ
Link : https://www.blue-point-trading.com/trader_opportunities/bluepoints-brokers-list
- ยิงไม่เกิน 2 Order
- ทำระยะเกิน 300 Pips [คำนวณเฉลี่ย 60 - 80% ของ ATR 200 วัน]
- Max SL 300 Pips [Fix SL และ Non-trailing stop]
# ใครสามารถทำตามเงือนไข ตารางข้างต้นในระยะเวลา 3 เดือน [พอร์ต Demo]
>> สามารถส่งพอร์ตให้พี่ต้าน >> ส่งเข้าสอบเพื่อรับงาน Blue Point Trading
>> เป็นทางลัดสามารถช่วยงานพี่ต้านสำหรับ Project นี้ได้

--------------------------------------------------------------------------------
Q : ศึกษา Close System มี 2 จำพวก
A : - เรียนแล้วไม่อยากเทรดแบบนี้
- เลือก Product ทำ CS ไม่ถูก
--------------------------------------------------------------------------------
อ้างอิง
Link 1 : https://medium.com/@m.pakawat23
Link 2 : https://medium.com/@kinyod

Mudley World : Block trading : EP4

สรุปความรู้พี่ๆที่ได้ไป Mudley  ที่ เชียงใหม่
บทที่ 4 : Block trading
Link1 : https://medium.com/@kinyod/chapter-4-block-trading-1e506e7337b7
Link 2 : https://medium.com/@m.pakawat23
/basic-trading-by-mudley-group-block-trading-4-889b92c5bbde


--------------------------------------------------------------------------------
Block Trading
Ref : https://medium.com/@m.pakawat23/basic-trading-by-mudley-group-block-trading-4-889b92c5bbde

# - ก่อนลงลึก กับ Block Trading เราต้องมี Decision Method ที่ชัดเจนเสียก่อน
- เพราะในแต่ละ Block จะมีการตัดสินใจเหมือนเดิม เพื่อนที่จะทำให้วัดผลได้
- "Decision Method สามารถหาได้จากการฝึกด้วยตนเอง หรือการเรียนกับคนอื่น"

Block trading
- เป็นระบบที่ พัฒนามาจาก Close System [CS] เพื่อพัฒนาทักษะที่สูงขึ้นไป
- เป็นการเทรดทรัพย์ยากรที่จำกัด
- แต่ละ Block อยู่ที่ Trader เป็นคนกำหนดขึ้นมา

วัตถุประสงค์
- เสริมสร้างทักษะจาก Close System
- ช่วยให้เราทราบว่าระบบ เทรดเรามีประสิทธิภาพหรือไม่
- ฝึกทรัพย์ยากรอย่างจำกัด
- เรียนรู้กลไลของตลาดมากขึ้ย [เรียนรู้ Stop Loss / ดู Movement]
- สร้างจังหวะหยุดให้ตนเอง

-------------------------------------------------
แนวทางการฝึก
หน้าที่ของแต่ละ Layer ;
- Layer [1] ; สร้าง Cash Flow
- Layer [2] ; แก้ Layer [1] หรือ Layer [x]
- Layer [3] ; แก้ Layer [2] หรือ Layer [x]
- Layer [4] ; แก้ Layer [3] หรือ Layer [x]

Layer
Ref : https://medium.com/@m.pakawat23/basic-trading-by-mudley-group-block-trading-4-889b92c5bbde 

- Signal เกิดหลาย Product พร้อมกัน ควรเลือก Product ที่เหมาะสมในการเข้า Order นั้น
>> อาจดูเรื่อง Volatility ประกอบ และใช้ Model กันหมด เพื่อให้สามารถวัดผลได้
- เราต้องใช้เทคนิคเดียวกันทั้ง 4 Layer
- เราต้องรู้ว่า TP หรือ SL เท่าไหร่ จะรู้ก่อนหรือหลังก็ได้ แต่ ต้องรู้ว่าถูกทางหรือผิดทาง

การแยกระหว่าง Model ที่ดี และไม่ดี
- ต้องเข้าใจว่าในตลาดนั้นมีทั้งเวลาของเรา และเวลาของเขา
-- ถ้า Model ของเราดีมันจะ Flow ไปเรื่อยๆ
-- ถ้า Model ของเราไม่ดี มันอาจไม่ใช้เวลาของเรา [ต้องหยุด เพราะเราจำกัดทรัพย์ยากรแล้ว]
-- ถ้า Model ของเราไม่ดี ติดตลอด ติดเยอะ ต้องพิจารณาใหม่ มันอาจไม่ดีจริงๆ
"ในกรณีที่เรามี Cash Flow พอ เราสามารถ Cut Layer[1] ได้เลย ไม่ต้องใช้ Layer[2]"

Ex
Block A
- กำหนดทรัพย์ยากร สมมุติ มีเงินอยู่ $6,000 จะสามารถทำให้เราเทรดได้ 0.06 Lot
- สามารถแบ่งเป็น 0.01 x 6 : จัดสรรคเป็น 0.01 , 0.01 , 0.02 , 0.02 [การคำนวณขึ้นอยู่กับเรา]
- จากตัวอย่างการแก้ไข Layer 3 , 4 จะยาก เพราเหลือ Lot น้อย
>> ทางที่ดีควรออก Order lot 0.01 x 4 Order ถ้าติดหมดก็รอ

การแก้ไข
-อาจไม่จำเป็นต้องเรียงลำดับก็ได้ มองเป็นรูปแบบการปลดล๊อก กระสูนติด
Ex  Layer [1] (0.01) = -10$
Layer [2] (0.01) = -5$
Layer [3] (0.02) = +13$
-- สามารถนำ + 13 ไปปลด Layer [1] แล้วเรียงใหม่
-- Layer [1] (0.01) = -5$ // Buffer + 3$

- Ex  Layer [1] (0.01) = -5$
Layer [2] (0.01) = +6$
-- สามารถ ปิด Order 1 , 2 และขยับ Layer [3] มาเป็น Layer [1]

-------------------------------------------------
ข้อแนะนำ
- ควนเทรดตาม Trend ไม่สวน [สามารถดูใน TF W , TF M แล้วเขียนว่าจะ Bias 1 ทาง]
>> ถ้าถูก กระสุนจะปลดได้ >> เทรนใหญ่ต้องรอเป็น ไตรมาสกว่าจะเปลี่ยน
>> ถ้าอยากออก Order คนละทิศ ให้ไปทำอีก Block
- ไม่ควรเล่น Product ซ้ำกัน ใน 1 Block [ต้องเข้าจุดที่ ไช่จริงๆ อย่าคาดหวังจะเอาคืน]
- เล่น 1 Direction จนกว่าจะชำนาญ [ถ้าจะทำ 2 Direction ควรแยก Block อีกอัน]
- พอเรารู้ Model ของเรา Flow จึงจะใช้ Max Drawdown มา Cloning อีกอัน
Ex ถ้าทำมาเป็นปีแล้ว Mas Drawdown ไม่เกิน 500$ เราก็จะใช้ 500$ ในการ Cloning [ต้น 6,000$]
- ลองใช้หลายๆ Model เพื้อ อัพสกิวของเรา โดยแยก Model และ Block
- ควรเริ่มเทรด Volatility น้อย > Volatility มาก เพราะตอนแก้จะแก้ง่าย
Ex GBPJPY ไว้อันสุดท้าย [Volatility มาก]

- การเปิด Order Lot ต้องคำนวณตามคู่เงิน
- Block Trading เป็นการใช้ทักษะที่มากขึ้น (ยากกว่า CS)
- อาจใช้เทคนิคสำหรับ Layer [1] ใช้ยิง Order ที่มี Volatility น้อย [EURCHF]
>> วางแผน Layer [4] Volatility มาก [GBPJPY]

--------------------------------------------------------------------------------
Q :
A :

--------------------------------------------------------------------------------
อ้างอิง
Link 1 : https://medium.com/@m.pakawat23
Link 2 : https://medium.com/@kinyod

Mudley World : Risk parameter : EP3

สรุปความรู้พี่ๆที่ได้ไป Mudley  ที่ เชียงใหม่
บทที่ 3 : Risk parameter
Link1 : https://medium.com/@kinyod/chapter3-risk-parameter-443e7462d043
Link 2 : https://medium.com/@m.pakawat23/
basic-trading-by-mudley-group-risk-parameter-3-eb98f361e7fb


--------------------------------------------------------------------------------
Risk Parameter
Ref : https://medium.com/@m.pakawat23/basic-trading-by-mudley-group-risk-parameter-3-eb98f361e7fb 
Risk Parameter
- ค่าความเสี่ยง การคำนวณเงินที่อาจเสียไป [ต้นทุน]
- การคำนวณต้นทุน ที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ >> อาตปรับจนมีค่าเป็น 0
- เรียกว่าการเทรด ปรับต้นทุน
- Risk Parameter มีทั้ง Buy และSell

Ex - การ Buy USDJPY คือ การยืมเงิน JPY มาซื้อ USD [ตัวนำหน้า]
- การ Sell USDJPY คือ การยืมเงิน USD มาซื้อ JPY

-------------------------------------------------
การคำนวณ Risk Parameter
- Buy Gold ราคา 1,100 จำนวน 0.2 lot
Lot 0.01 = 1 Ounce
Lot 0.1 = 10 Ounce
Lot 0.2 = 20 Ounce
- การ Buy ทอง 0.2 lot ต้องใช้เงิน 1,100$ x 20 ounce = 22,000$ นี้คือ Risk Parameter

- Sell GBPJPY 0.1 Lot ที่ราคา 139.00
-- 1 GBP = 139 Yen
-- 0.1 lot GBP = 10,000 GBP
-- 10,000 GBP = 10,000 GBP x 139 Yen = 1,390,000 Yen
-- ถ้าต้องการเทียบเป็น $ ต้องไปด GBPUSD หรือ USDJPY
- การ Sell GBPJPY คือการขาย GBP เพื่อซื้อ JPY
>> ความเป็นจริงคือ การยืม GBP จาก Broker เพื่อซื้อ JPY
>> ทำให้เสียดอกเบี้ย ซึ้งคือค่า Swap
- ถ้า GBPJPY เป็น 138.00 จะทำให้เราได้กำไร 10,000 Yen แต่พอร์ตเราเป็น USD จึงเห็นกำไรเป็น USD
-  การเปิดคำสั่ง ซื้อ / ขาย ในแต่ละครั้ง ยอดเงิน Balance จะไม่ถูกตัดออก
>> มันเป็นเงินค้ำประกันที่อยู่ในพอร์ต
# Buy GBPJPY 1 Lot ที่ราคา 141 : RP [Rick Parameter] จะเป็น 100,000 GBP หรือ 14,100,000 Yen

-------------------------------------------------
ประโยชน์ของ RP
- รู้ความเสี่ยงสูงสุดในการเข้า Position
- ฝึก Mindset ใช้เทคนิคการเทรดแบบปรับ Risk Parameter
- ฝึก Mindset ไม่เข้าในจุดที่เสียเปรียบ จุดเข้าต้องได้เปรียบเท่านั้น
- การสร้างจังหวะหยุดให้ตนเอง รู้ว่าตรงไหนควรเทรด ตรงไหนควรหยุด

-------------------------------------------------
วิธีเทรด
1. เลือก Product ที่จะเทรด ต้นทุนเท่าไหร่ ยิง Order เมื่อเกิด Signal
2. หากขาดทุน ปิดไม่ได้ เมื่อได้กำไร ปิดได้ เก็บเป็น Cash Flow
3. หากต้องการเข้า Order Product ตัวเดิม
- ในกรณี Buy / Long ราคาต้องเท่าเดิม หรือต่ำกว่าเดิมเท่านั้น
- ในกรณี Short / Sell ราคาต้องเท่าเดิมหรือสูงกว่าเดิมเท่านั้น
# ยกเว้นมี Cash Flow จากข้อ 2 จะสามารถเข้าในจุดที่เสียเปรียบได้

RP : 1
RP : 2
- CF = 200 คือ สิ่งที่ Mudley World [MW] คิดแบบนี้ เพราะ 50 ไม่ได้มาจากการเทรด
>> แต่เป็นการซื้อในต้นทุนที่ต่ำลง >> แต่ถ้าต้องการถอนสามารถถอนได้ 250

* Trader ส่วนมากไม่ได้คำนึงถึง  Risk Parameter ที่ต้องจ่าย Cash Flow เมื่อซื้อในจุดที่สูงกว่า
Risk Parameter เดิม ทำให้เวลาตลาดเปลี่ยน Deawdown จะสูงมาก เนื่องจากเราไล่ราคา !!

Ex
- จะสังเกตว่า CF คือ 500 , แต่ CF รวมคือ 150
- จุดที่สังเกตุ คือจุดเข้า Order
- เริ่มต้น คือ 400 แต่เมื่อได้ CF แล้ว ถ้าเรา เข้า Order ที่ราคามากกว่า 400 
>> จะเสียเปรียบ (เพราะเสีย CF) 

วิธีคิด True Alpha
RP = CF รวม
- ถ้าทุน 400 แต่ CF = 500  เท่ากับได้ True Alpha  :  แต่ CF รวม ยังไม่ได้ True Alpha
- จากตาราง RP = > RP = 700 , CF รวม = 150

- จากตารางถ้าเราไม่เข้าใจ Risk Parameter เราคงคิดว่าเราได้ CF 550 , จริงได้มา 300 !!
- True Alpha คือ Cash Flow >= RP


-- เราสามารถใช้ CF ที่มีเปิด Order ใหม่ได้ โดยไม่เกิน CF ที่เราได้มาด้วย
- จากตาราง CF ที่สามารถนำไปใช้ได้ 300 หรือสามารถเปิด Order ได้ที่ RP 500 [ที่เราปรับ]
Ex 3


- เมื่อเก็บ CF ได้ 1400 และ Gold ขณะนั้นต่ำกว่า 1400
>> เราก็สามารถลงทุน Gold ได้แบบ True Alpha Gold 1 Order

Ex 4

- เป็นการยกตัวอย่าง RP ในกรณีต่างๆ 4 กรณี


-------------------------------------------------
ข้อแนะนำ
- ควรเทรดแบบ Fix Risk Parameter อย่าปรัยให้เสีย Cash Flow ถ้าไม่จำเป็น !!
- ระหว่างรอราคา Product เดิมกลับมา เราสามารถมองหา Product ใหม่เพื่อกำหนด PR ใหม่ได้
- สามารถไปต่อยอดกับ CS ได้

# พี่ต้านแนะนำว่า " จง Fix Risk Parameter ไว้เท่าเดิมเสมอ" ไม่ว่าเราจะซื้อราคาต่ำกว่าเดิมก็ตาม
ให้มอง CF หรือ RP ใหม่ที่ต่ำกว่าเดิม นั้น คือการสำรอง !!

--------------------------------------------------------------------------------
Q :
A :

--------------------------------------------------------------------------------
อ้างอิง
Link 1 : https://medium.com/@m.pakawat23
Link 2 : https://medium.com/@kinyod

MudleyGroup : Macro Mindset : EP8

Macro Mindset
สรุปความรู้ที่ได้จาก
Link : https://www.youtube.com/watch?v=9g5QH7vI36I&t=12s

-----------------------------------------------------------------------------------
Global marcro Update
- วันนี้มี AUD ลดดอกเบี้ย

- ถ้าเงินเย็นแข็ง โอกาสที่ เศรษฐกิจญี่ปุ่นพังจะสูง
-- เพราะว่า ญี่ปุ้นมีหนี้ในประเทศสูง (จ่ายแพง)
-- กำไรบริษัทส่งออกลดลง >> ราคาหุ้นตก
--- รายได้น้อยลง >> จ่ายภาษีได้ยาก
- ทองขึ้นเพราะ US เสื่อมค่า
-- เสื่อมเร็วเพราะ ไม่ยอมขึ้นดอกเบี้ย

-----------------------------------------------------------------------------------
ก่อนเป็น Macro fund manager ควรเรียนรู้อะไรบ้าง
- ต้องเรียนรู้ Mindset ก่อน
1. ต้องเข้าใจเรื่องของ Trend ก่อน (กระแส)
-- Trend ไม่เกี่ยวข้องกับการถูก หรือผิด >> เกี่ยวข้องกับ Position ล้วนๆ
- ส่วนใหญ่ Trader จะถูกจำกัดไว้ที่คำว่าถูก หรือผิด
Ex - ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบ นี้ จะเกิด Outcome อย่างนี้ [ลดดอกเบี้ย ราคาต้องเป็นแบบนี้]
- Trend แบบไหน อยู่ที่ Global marcro แต่ละ Fund ทำการบ้านมา
- ปัจจัยที่มีกระทบใน Trend นั้นๆ จะเป็นโอกาสในการ Take action หรือจัดการ Position
- ส่วนใหญ่ Model ของพี่ต้าน จะสร้างไว้ที่ Suppot [แนวรับ] ในสิ่งที่คิด หรือ Trend

- การจะเกิด Trend ได้จะต้องเกิด Discount หรือ Premium
- สิ่งใดในโลกจะเกิด Trend ต้องถูกมากๆ หรือแพงมากๆ ก่อน [ถ้าไม่เกิด ก็ยากที่จะได้ประโยชน์]
- คนเรามักจะมองในโลกที่สวยงาม ว่าในเรื่องการลงทุนเป็นเรื่องที่ สมเหตุสมผล
Ex มันจึงเกิดในเรื่องของคดีความต่างๆขึ้น
- การเกิด Discount >> เกิดจากการกักตุน
- การเกิด Premium >> ระบายของ
- เกี่ยวกับคนที่มี Power ในการกักตุน หรือระบายของ มันทำให้เกิด พฤติกรรมตามมาในด้านต่างๆ
Ex การเมือง
- Action ที่กระทำออกมา เพื่อให้เกิดประโยชน์กับ Trend ที่วางเอาไว้
- สังเกตุจากการที่เราใช้ Action
Ex ขาขึ้น มีการบีบให้ลงมาเป็นระยะ และกลับขึ้นไปเร็วมาก
- เกิดจากการบีบเอาของ พอ Rebound มาได้ซักพักคนเราก็ไม่กล้าถือ
- คนส่วนใหญ่กิน Trend ไมไ่ด้เพราะเราไม่กล้าถือ (มีข่าวที่สวนเทรนตลอดเวลา)
#ส่งผลให้เราเก็บระยะ ได้ไม่เต็มที่
คนที่เทรด Macro fund manager คือคนที่เก็บระยะ ตามเทรนได้มากพอสมควร
- แต่กว่าจะเก็บได้ เรื่องของถูกผิด เราต้องปล่อยวางไปก่อน

- ต้องถามตัวเองว่าทำยังไงถึงจะเรียนรู้ Mindset Macro ได้ดี
-- เราต้องเข้าใจ Economic เป็นอย่าไง
-- ตัดเรื่องดูผิด

พี่ต้านแนะนำหนังสือ ชื่อ Margin of safety
- สามารถหา โหลดได้
- เปรียบเหมือน Risk / Reward >> เราควรทำใจให้เป็นกลาง
Ex1 USD / AUD อยู่ที่ 0.7 Discount ลงมา 30% >> ถ้าลงเหลือ 0.5 = 1 เหรียญ US ได้ 2 เหรียญ AU
Ex2 ตอนเงินบาทแข็งมากๆ ลองคำนวณว่าเราไปซื้อะไรเมกาได้บ้าง แล้วเราจะเข้าใจ
Ex3 เราซื้อไก่ ไทยตัวละ 130 บาท แต่เราไปซื้อไก่ที่รัซเซีย 80 บาท ผ่านไปซักพักเหลือ 40 บาท
- ทำให้เกิด Processing power ที่มาก [เกิดการ Over] โดยปกติราคาของต้องขึ้น
- ถ้าคนในประเทศไม่รู้สึกว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลง มีโอกาสที่ Value ยังไม่ Adject
Ex เปรียบเหมือนโรงรับจำนำ ประเมินว่าราคาแต่ละชิ้นรคาเท่าไหร่

- เราต้องเข้าใจ Marco ว่าในอนาคตจะมีหุ่นยนต์เข้ามาทำงานแทนคน
- ทำไมเข้าถึงผลักดัน >> เพราะคนไม่อยากพึ้งพาแรงงาน >> ประหยัดต้นทุน >> เพิ่มกำไร
- อนาคตคนลำบากมากขึ้นเนื่องจากงานน้อย คนเยอะ
# ดังนั้นแรงงานเฉพาะจะมีความสำคัญ ค่าแรงสูงขึ้น สกิวเฉพาะจะสำคัญขึ้น
- สังเกตุทำไมลูกคนดังๆ ถึงให้ศึกษา Home School เพราะว่า เวลา สำคัญกับ Skill

จุดอ่อนของระบบทุนนิยมที่ คาร์ล มากซ์ บอกไว้ คือ
- ทุกคนอยากได้ Maximize Profit แต่ในระบบทุนนิยมประกอบด้วย 2 ส่วน
-- แรงงาน
-- ทุน [ทรัพยากร] >> มีทรัพยากรอย่างเดียวไม่สามารถสร้างอะไรได้ ต้องมีแรงงานด้วย
- เพื่อทำให้เกิด Productivity >> จากนั้น เอา Productivity ไปขาย เปลี่ยนเป็นทุน
- เราแปลงทุนเป็นชั่วโมงการทำงาน
- ใครแสวงหาทุนส่วนเกินได้มากที่สุด ก็ได้ครอบครองทรัพยากรได้มากที่สุด หรือมี Powerมาก
# ระบบทุนนิยมสร้างมากเพื่อให้เกิด ระบบการแย่งชิงทรัพยากรที่ไร้พรมแดน
- ถ้าเราเอากำลังทหารไปรบ จะดูเหมือนไม่มีข้ออ้างแล้ว แต่มีข้ออ้างมากมาย

- เมื่อมนุษย์อยากได้กำไร อยากได้เพิ่มขึ้น นายทุนเป็นฝั่งที่มีอำนาจต่อรอง
-- จึงเกิดการกดค่าจ้างแรงงาน >> เกิดเป็นค่าจ้างขั้นต่ำ >> เพื่อกดค่าจ้างให้ตัวเองได้ Profit ที่มากขึ้น
>> เป็นระบบปกติของทุนนิยม
-- เกิดประท้วงของแรงงานบ่อยๆ [ระบบเริ่มมีปัญหา]
-- นายทุนไม่ได้ให้ตามจริง >> Fix ไว้แล้วบีบ >> เพิ่มให้ผลประโยชน์ตกกับตัวเอง
- องค์กรที่ดี จะไม่ค่อยมีปัญหากับพนักงาน เพราะว่า เติบโตไปด้วยกัน
>> ไม่ได้เน้นไปที่เจ้าของอย่างเดียว >> แต่เป็นเรืองที่ยาก
- นายทุนจึงคิดว่าจะทำยังไงถึงลดแรงงาน และจ้างเฉพาะแรงงานเฉพาะ
>> เพื่อลดต้นทุนส่วนแรงงานปกติ
- หนีไม่พ้นเรื่องการนำหุ่นยนต์มาทำงานแทน
Ex ทาส >> ทำไมต้องมีทาส ? >> ทำไมฝรั่งต้องไปล่าผิวดำมาเป็นทาส >> เพราะต้องการแรงงานฟรี
- แต่ยุคนี้ไม่มีทาส ? >> แล้วจะทำยังไง
# ปัจจุบันนายทุน ครองทรัพยากรมากแล้ว จึงค่อยเกิดปัญหาที่จะเกิดในอนาคต
- เกิดจากความโลภของมนุษย์ >> ในอนาคต >> ถูกคำนวณไว้แล้วในระยะยาว
>> คนคิดตายก่อนจึงไม่เครียด
- เกิดคนไม่เห็นด้วย เกิดการต่อต้านเยอะแยะไปหมด >> โดนเหมารวมเป็นกลุ่มก่อการร้าย
- ผู้นำก่อการร้ายบางคน เป็นผู้ที่จบสูง หรือเป็นผู้ที่เคนสัมผัสคนระดับบน เกิดการหมดศรัทธา
- ถึงแม้เราจะเห็นต่าง เราก็ไม่สามารถเปลี่ยนกระแสโลกได้ เพราะเกมส์เขาเล่นกันแบบนี้
- สิ่งสำคัญ คือเล่นยังไง ถึงเล่นไปตามเกส์มากกว่า อย่าฝืน
-- เพราะฝืนก็ไม่รอด เราเกิดมาเป็น Player ไม่ได้เป็น controller ถ้าฝืนชีวิตจะลำบาก
-- เราต้องยอมรับความจริงว่าเราเป็น Player
Ex เกิดมาอาจเป็นเบี้ยก่อน ต้องพัฒนาตนเองขึ้นมา เป็นม้า เป็นเรือ แต่ไม่ได้เป็น Controller
- เมื่อถึงจุดหนึ่งที่มีภาวะลำบากจะเกิดการ Collapse [ลำบาก] ของประเทศนั้นๆ
# แต่คนที่เป็น Controller เขาก็รู้อยู่แล้ว >> เขาก็ Move ไปอยู่ Land ใหม่
- เขามองเป็น Land หนึ่ง คนที่อยู่ Land นั้นก็ลำบาก

-- เรามีการแลก Productivity กัน เราต้องเล่นเกมส์ตามที่โดนกำหนด
--- เกมส์บางอย่างมันไม่คุ้มที่จะเล่น

- เราจะทำยังไงถึงจะเล่นเกมส์อย่างฉลาดแล้วอยู่รอด
-- เราต้องเลือก Jobs เป็น Player ไม่ไช้ Controller
--- ถ้าเราอยากเปลี่ยน เราอยากเปลี่ยนด้านไหน ? [เพราะมีเยอะมาก]
-- เมื่อเราได้เงินมา เราต้องสร้าง Productivity ให้ตัวเองก่อน

- เราต้องเข้าใจว่าเป็นเกมส์ๆ หนึ่ง
-- เกมส์นี้เราต้องเข้าใจ Productivity
--- Productivity คืออะไร ? >> เราต้องสร้างบางอย่างที่สามารถสร้าง Productivity ให้ได้
--- ตลาด Forex เป็นตลาดที่ดึง Productivity ของคนทั้งโลกได้มากที่สุด และง่ายด้วย [เสียง่าย]
---- คนที่ควบคุม Product ทางการเงินคือ Banking System
---- คนที่ควบคุมคือ คนที่เก่งๆทั้งนั้น
---- เม็ดเงินที่หมุนไปหมุนมา คือเงินทั้งนั้น
---- Ex เกิดเป็นคนกลางที่ ค่อยดักทางการเงินของเรา
---- เราจะอะไรต่างๆ ไปกับอะไรพวกนี้มาก เพราะเราไม่รู้อะไรต่างๆ
----- ระบบ Forex เป็นระบบ ที่น่ากลัว ดูด Productivity ได้ง่าย
----- หลายๆคนบนโลกที่ไม่มีทักษะ เขาก็จะเสีย Productivity
----- จะเกิดเป็นปัญหาระดับโลก เมื่อมีคนตามเกมส์ทัน [รัสเซีย] >> พวก Banker เขาจะรู้จะเห็น
----- รัสเซีย กลายเป็น โดนเมกา Anti เพราะแกควบคุม การเงินทั้งโลก
----- หลายๆ ประเทศที่ดึง Productivity เข้าไปได้จะกลายเป็นเป้า
Ex ใครมีน้ำมันเยอะ กลายเป็นเป้าหมาย
-- เมื่อเราเข้าใจระบบ แล้ว เราต้องทำยังไงก็ได้ไม่ไห้เราเสีย Productivity ได้ง่าย
-- ถ้าเราไม่เสีย เขาก็ทำไรเราไม่ได้
-- ถ้าเราเข้าใจระบบ เราจะสามารถสร้าง Productivity เข้าประเทศได้ง่าย
-- เมื่อเราเข้าใจ  Productivity เราจะไปลงทุนกับสิ่งพื้นฐานที่จำเป็น

- เราต้องอยู่ให้ได้ ถ้าเกิดเงินมีปัญหา
Ex ถ้าเราอยู่ในเวเน >> เราต้องไปรู้จักคนมีอาวุธ ที่ปกป้องเราได้ หรืออาจมีที่ทำกิน
- ถ้าเรามองความรุนแรงออก = เราเห็น Macro
- ประเทศ..ค่อยไม่มี [ไม่ค่อยเกิดอะไร] >> เพราะเราเดินตามหลังผู้มีอำนาจ
- เราเป็นกลางตลอด อาจเป็นจุดแข็งก็ได้ ตัวใหญ่มันเป็นเป้าได้ง่ายกว่าตัวเล็ก

- เราต้องเข้าใจว่าทำไมเวลาเรารบ เราแพ้
- ยากมากว่าเราจะ ประเทศอื่นๆ เพราะ Fix มากเกินไป
Ex เราสู้คนสิงคโปรไม่ได้เพราะ ขาดึงคนเก่งไปหมด

- Global marcro เป็นเกมส์การเมืองโลก เรามีหน้าที่เกาะกระแส (เราไม่สามารถเป็นผู้เล่นหลักได้)
- เขาจะใช้ข่าว เพื่อให้เขาได้เปรียบตลอดเวลา
-- ดั้งนั้นเวลาเราจะเล่นเกมส์เดียวกับเขา เราต้องเข้าใจ รู้จังหวะ รู้จัก Take

- คนที่ทำ Marcro เราต้องได้ระยะเยอะ เพื่อลดความเสี่ยง
- สังเกตุผลประโยชน์ต่างๆ
Ex - ญี่ปุ้นกำลังเป็นกระแส >> ทำไมโน้นนี้นั้น ?
-- ถ้าเงินเย็นแข็ง แสดงว่ามี Power ดี
--- การเทรด Forex เราต้องรู้ว่า ที่ไหน มี Power ดี
-- ถ้ามันแข็ง มันก็ยังไม่แข็งทันที แต่มันก็แค่ระดับหนึ่ง >> เราต้องค่อยๆเก็บ
- พี่ต้านไม่ค่อยอยากพูดเรื่อง Marcro เพราะว่า พอพี่ต้านพูด แล้วคนฟังจะ Bias

- ประเทศจะล้มละลายได้ต้องเป็นหนี้มากมาย
- การรบกันตอนนี้ จะต้องใช้ทรัพย์ยากรมากมาย
- ถ้ามีปัญหากันเมื่อไหร่ เศรษฐกิจจะไป
- ไม่ค่อยมีใครอยากมีปัญหา ถ้ามีปัญหา คนที่มีปัญหาต้องได้มากกว่าเสีย
-- เพราะถ้ารบกันแล้ว ไม่เกิดอะไร ประเทศที่ไม่ได้รบด้วย จะได้ประโยชน์
- ถ้ารับกัน ตราสารจะได้ประโยชน์ (น้ำมัน >> ใช้ในการส่งเรือ) ทองคำ
- ถ้าจะรบกันจริงๆ จะมีสัญญาณบอกก่อน
-- สิ่งแรก บรรดาเมกาจะจัดประชุมนายพล >> จะมีการวางรบ >> จัดเรือเตรียม
- สงครามเกิดยาก >> ถึงแม้รบชนะ >> แต่สิ่งที่ได้คือ ผลเสียที่เกิดขึ้นเยอะ
- รบกัน โอกาสจะเสียโอกาสให้รัซเซียเยอะ

2. เข้าใจว่าอะไรเป็นปัจจัยใน Asset ที่เราลงทุนอยู่ หรืออะไรเป็นหลัก [เราสามารถเรียนรู้ได้]
- ตัวแทนของค่าเงิน คือ Funamental  ของประเทศนั้นๆ
Ex -- ทำตอนราคาน้ำมันลง ประเทศที่ส่งออกน้ำมันมากๆ ถึงค่าเงินอ่อน
-- ซีเลียมีทองเยอะ
-- ราคาทองขึ้น ก็เหมือนราคาน้ำมันขึ้นลง
- ประเทศนั้นมีรายได้ OK Main หลักของประเทศนั้น คืออะไร ? >> จะทำให้ฐานะการคลังดีขึ้นในอนาคต
- ทำไมทองถึงขึ้น เพราะทองมี infarction แล้ว infarction มาจากไหน ?
>> infarction มาจากการที่เรามีปริมาณเงินเยอะ เกินกว่า Productivity แล้ว Productivity มาจากไหน
>> มาจากกิจกรรมทางเศรษกิจจริง ผลผลิตจริง
- เราต้องตั้งคำถามต่อไปเรื่อยๆ จนเราเข้าใจ

Macro fund manager มี 2 อย่าง
- Adject [เสริม] Position กับหยุด
-- ไม่เป็นไปตามเทรน >> เหมือนเราสะสมอะไรสักอย่างแล้วพลาด >> หยุด
- ถ้าเราฝึกแบบนี้มากขึ้นเราจะเข้าใจมาก
- ถ้ายังมี Mindset ถูกผิด เหมือนเดิม จะยากที่จะเข้าใจ (ต้องใช้เวลา)


-----------------------------------------------------------------------------------
- ถ้าเราเราไปยึดติดกับ Pip หรือเรื่องของคะแนน มันยากที่จะไปอีก Step หนึ่ง
- กว่าเราจะรู้เราก็เสียเวลาไปแล้ว
- ถ้าเราอยากได้หลายๆ Pip เราต้องเก่งก่อน >> เราจะเก่งขึ้นยังไง เราต้องเลิก Focus เรื่อง Pips
- เพราะถ้าเรา Focus สมองเราก็แบ่งไปในเรื่องของ Return ที่เราต้องทำได้
- ทำให้เราง่ายที่จะเป็นเหยื่อสำหรับเกมส์ที่เปลี่ยน Level
- บางทีเรากำหนด Pips ไว้มันจะ Limit ความสามารถของเราส่าเราจะไปได้ไกลกว่านี้
- ส่วนใหญ่เรามักจะ Limit ตัวเราเองไว้ เมื่อผ่านไปซักพัก (อายุเยอะ) >> เราจะรู้ว่า เหนื่อย
- จะกลายเป็นคนมีอายุ ได้พูดถึงเรื่องประสบการณ์

-----------------------------------------------------------------------------------
Q :  เงินเฟ้อมาจากอะไร ?
A : มันเกิดจากสินค้า อุปโภคบริโภคขึ้นราคา
- ถ้ามีเงินเฟ้อ ทองสำคัญแน่นอน

Q : รายได้ประเทศแม็คซิโกเกิดจากอะไร
A : - ประเทศแม็คซิโก มาจากโคเคน (หลักๆ) >> เราไม่รู้ว่าข้างในเป็นยังไง
- ได้ตังมาจากเมกาเยอะจากโคเคน
- อาจเกิดจากมาเฟียรายได้ลด (โดนกวาดล้าง) >> เงินที่ใช้ในประเทศน้อยลง >> เกิดปัญหา
- โคเคนรุนแรงมาก อันตรายมาก ทำลายประสาท

Q : ปรับ Mental ยังไงเวลามีปัญหา
A : - เราต้องหาสาเหตุว่าเพราะอะไร ?
- เราต้องซื่อตรงกับตัวเองว่าเราเป็นเพราะอะไร ?
- เราต้องฝึก

Q : Marco นานไหม ฝึกช่วงไหน
A : - ฝึกตลอดเวลา เพิ่มมุมมอง
- เหมือนฝึกปลงสังขาร
- เพราะหลังจากที่เราวิเคราะห์ เราก็อยากได้ผลลัพธ์นั้นๆ
- แต่ Marco มันคือการฝึก 2 มุมมอง >> แต่ถ้าไม่ใช้เหมือนที่เราคิด เราต้องหยุดให้เป็น
- เราต้องทำอะไร ได้ประโชยน์อย่างไร หยุด
- เหมือนเรามองตลาด ดูสิ่งที่เขาเล่นกัน เราจะทำอย่างไร
- # เลิกมองเรื่องถูก เรื่องผิด >> เพราะ อาจถูก TF สั้น อาจถูกยาว ถูกยาว อาจผิดสั้น
- ลองฝึกอ่านหนังสือเรื่องอะไรก็ได้ที่เรารับไม่ได้ (ฝึกเปิดใจ เปิดมุมมอง) >> เราจะทำไรได้มากขึ้น

Q : เราต้องมีโจทย์ว่า "สมมุติ เราบอกว่า ธรรมะ จะช่วยเราเทรดดีขึ้น"
A : - เราก็ต้องหาหนังสือ ที่ทำให้เราเข้าใจมากขึ้นว่า ธรรมมะคืออะไร
- ไม่ว่าเราศึกษา ธรรมมะเล่มไหน เขาก็สอนว่า ธรรมมะ คือธรรมชาติ
- แต่เราเข้าใจอย่างเดียวไม่พอเราต้องฝึก
Ex เปรียบเหมือนเราเจอไฟใหม้เราก็ทำไรไม่ได้ เพราะเราไม่ฝึก (เราไม่มีสติ)
- ถ้าเราฝึกเราก็มีปัญญา >> ทำให้มีสติ
- การฝึกเราให้มีสติ >> การฝึกสติ >> มีวิธีฝึกหลายๆอย่าง (การนั่งสมาธิ)
- ถ้าเราไม่ได้ฝึกมา เหมือนเราไม่มีสติ แล้วเราก็รอให้ทุกอย่างมันเครียก่อน
- คนที่ไม่มีสติมักจะทำอะไรที่ ฉุกนหุด โกลาหล ไม่ได้ เพราเราต้องรอทุกอย่างเครียก่อน
- ถ้าเราอยากเก่งต้องมีสติ
- เวลาเราคุยเรื่องธรรมมะ ทุกคนเราจะเข้าใจกันหมด แต่เอาเข้าจริงๆ (เวลาเกิดเหตุการณ์)
>> ก็ต้องผ่านการฝึก

Q : พึ่งอกหักจากการเทรดมา จะเทรดยังไง
A : - การอกหักแสดงว่าเรามีจิตใจ (จิตใจที่ผูกพัน) >> คนไม่มีจิตใจ เขาจะไม่ได้รับความรู้สึก
- แต่เราต้องทำยังไงก็ได้ให้มันเป็นพลัง
- วิเคราะห์ เราอกหักเพราะอะไร ? >> เรารักเขาจริงๆไหม หรือเราแค่อยากได้เขามา
- แต่หลายๆ (ฐานะ หรืออะไรต่างๆ) ไปด้วยกันไม่ได้ >> ปัจจุบันอาจใช้ แต่ไม่ได้การันตีอนาคต
- เวลาเราสูญเสีญ ธรรมชาติจะสิ่งๆ หนึ่งมานั้นคือการ Focus
- ถ้าเราเปลี่ยน Focus เป็นพลังงานได้ จะเป็นพลังงานมหาศาล

Q : พึ้งล้างพอร์ตมา ขอกำลังใจหน่อย ?
A : - ไม่น่าได้กำลังใจ เพราะทรยศประเทศชาติ (เปิดประตูให้ฝรั่ง)
- เราต้องเป็นตัวอย่างให้เพื่อนว่าเราต้อง
- เราจำความรู้สึกนี้ไว้ >> สาเหตุที่พี่ต้านไม่ให้กำลังใจ เพราะจะทำให้เรารู้สึกผิดได้อีก
- มันไม่คุ้มเลย เราต้องบอกตัวเองว่ามันเสียเวลา


Q : สร้าง Job ทหารยังไง ?
A : - เป็นการทำให้เรียนรู้ เราต้องรู้ว่าเขาล่าอนานิคมเป็นยังไง เขาล่ากันยังไง
- รู้เกิดเป็นทักษะ
- มือเปื้อนเลือดแล้ว มันเป็นหยั่งงี้ คราวหลังเราก็ฆ่าได้
- เราก็จะรู้หลักในการล่า เราจะมีความรู้สึกเหมือนกัน รู้ทั้งคนล่า และคนถูกล่า

Q : อ่านหนังสือติดต่อกัน 2 - 3 ชั่วโมง แล้วปวดหัว อยากก้าวข้ามขีดจำกัด ต้องทำอย่างไร ?
A : - เราต้องดูก่อน ว่าปวดหัวปวดด้วยอะไร สายตาหรือเปล่า
- ดูว่าเป็นที่ร่างกายหรือเปล่า >> ถ้าไม่ไหวเราก็ต้องยอมรับ >> ค่อยๆเป็นค่อยๆไป

-----------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเติม
- 0002 : MudleyGroup - ระบบทุนนิยม :
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/10/0000-etc.html
- 0004 : MudleyGroup - กลยุทธ์ และจุดอ่อน :
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/11/0004-mudleygroup.html
- 0006 : MudleyGroup - Hedge Fund Manager 001 :
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/11/0006-mudleygroup-hedge-fund-manager-001.html
- 0008 : MudleyGroup - Hedge Fund Manager 002 :
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0008-mudleygroup-hedge-fund-manager-002.html
- 0009 : MudleyGroup - Trader ยุคใหม่ และโอกาส
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0009-mudleygroup-trader.html
- 0010 : MudleyGroup - เฉลย ข้อสอบกลางภาค 2016
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0010-mudleygroup-2016.html
- 0011 : MudleyGroup - Dark Side Begin
http://yutaro-diary.blogspot.com/2018/04/0011-mudleygroup-dark-side-begin.html
- 0012 : MudleyGroup - Energy Management [0]
https://yutaro-diary.blogspot.com/2018/05/0012-mudleygroup-energy-management-1.html
- 0013 : MudleyGroup - Live From Russia 1
http://yutaro-diary.blogspot.com/2018/05/0013-mudleygroup-live-from-russia-1.html
- 0014 : MudleyGroup - Energy Management [1]
http://yutaro-diary.blogspot.com/2018/05/0014-mudleygroup-energy-management-1.html
- 0015 : MudleyGroup - Energy Management [2]
http://yutaro-diary.blogspot.com/2018/05/0015-mudleygroup-energy-management-2.html
- 0016 : MudleyGroup - Energy Management [3]
http://yutaro-diary.blogspot.com/2018/05/0016-mudleygroup-energy-management-3.html
- 0019 : MudleyGroup - Zone , Barchart
http://yutaro-diary.blogspot.com/2018/05/0019-mudleygroup-zone-barchart.html

MudleyGroup : Zone , Barchart : EP7

Mudley Channel [Zone , Barchart]
สรุปความรู้ที่ได้จาก
Link : https://www.youtube.com/watch?v=b_b0OrnVBOs

-----------------------------------------------------------------------------------
- พี่ต้านแนะนำหนังสือ Tradermind [ENG]
- นิสัยคนไทยไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือ พี่ต้านเลย หาคนมาอ่านหนังสือให้ฟัง

Zone ของ Trader คือ ?
- เราวาง Zone ก่อน เทรดใน Zone ก่อน

วิธีวาง Zone
- เลือก TF Mon หรือ Week ก็ได้ >> ซอยทุกอย่างเป็น 4 ส่วน >> คำนวณ กระสูน
- เมื่อได้ Zone ในกราฟ Week >> เราเลือกกระทำใน Zone กราฟที่เล็กลง
- ขีด Zone >> เมือ ราคาอยู่ใน Zone ยิงเลย [ไม่คิดเผื่อตลาด]
Ex พี่ต้าน ซื้อในจุดที่ต่ำสุดของ Zone[กำหนดโดย TF Week] >> และขายในจุดสูงสุด [Zone]
>> โดยไม่สนใจว่าราคาจะลงหรือวิ่งต่อ
>> ถ้าราคาวิ่งต่อ ก็วางกระสูนใหม่ >> พอราคาลงต่อก็วางใหม่ >> มันคือศิลปะในการเทรด
>> กรณีพี่ต้าน ราคาลง >> พี่ต้านก็ลด กระสูน ปรับต้นทุนลง
>> ซื้อกลับจาก เต็ม Zone [ กระจาย จาก 10 เหลือ 7 ]
- พี่ต้านเริ่มแบ่งการเก็บระยะ กับการ SC

- Zone คือการแบ่งส่วน >> สนามที่เขาไปรบ >> เรารู้พื้นที่ในการทำสงคราม
Ex สนามบอลแบ่งกองหน้า กลาง หลัง
- ลากเพื่อให้เห็นภาพก่อน

- ถ้าพี่ต้านเริ่มพอร์ต 3,000 เหรียญ >> มีจริงประมาน 400$ >> พี่ต้านใช้ leverage 20% [8 x 4 = 32]
>> ประมาณ เพิ่มอีก 2 นัด คือ 10 นัด
- วางโซน >> หลังวางโซนแล้ว >> นำมาเซตโซนย่อย
- เอา MM เข้ามาจับ (วิเคระห์ว่า ยิงได้กี่นัด)
- ยิงกระสูน นำกำไรที่ได้มาสร้างระยะ ใน Zone ย่อย

Bar Chart
- สิ่งสำคัญ ของ Bar Chart คือ แท่งเปิด กับแท่งปิด
- Bar Chart = สะพาน
- สะพานที่ดีช่องว่างสะพานต้องน้อย
- Trader ฝรั่งมือใหม่ส่วนมากเริ่มจาก Bar chart ก่อน >> เพราะไม่มีอารมณ์มาเกี่ยวข้อง
- Bridge คือ สะพานทางเชื่อมราคา


- ฝรั่งไม่สนใจเรื่อง Emotion มันสนใจว่า เริ่มยังไง มันจบยัง ระหว่างวันเกิดอะไรขึ้น

- ฝรั่งมันก็มองว่าวันหนึ่งของมัน เป็นยังไง (ถ้าถูกแท่งเทียนจะโดน กระตุ้นด้วยสี)

- ฝรั่งจะพูดถึง Zone มากขึ้น (เวลามองอะไรเป็นระยะ มักมองถึง Zone)
- บางทีการมอง Bar Chart จะมีเรื่อง Gap Bridge เข้ามาด้วย
-- มองว่ามันมีช่องว่างเราต้องกระโดดลง


- Trader เมกา หรือยุโปร เขาจะใช้ Bar chart ในการเทรดเยอะ
- แต่เราไปดูที่ไหนก็มีแต่แท่งเทียน
- สาเหตุที่พี่ต้าน ซื้อที่ราคานั้นเพราะ จุดกลับตัวส่วนมากจะมี Bridge [สะพาน]
- เวลาเราเชื่อมต่อสะพานมักมีแนวรับแนวต้าน
- MT4 มีข้อเสียอย่างหนึ่ง เนื่องจากกราฟมันต่อเนื่อง มันไม่เห็น การกระโดด ของสะพาน
>> ความนิยมในการใช้ Bar Chart เลยหายไป
- ส่วนใหญ่จะใช้กับ Trader ที่มี Exchange กับ Data จริงๆ

- ถ้าเราเห็นสะพานเชื่อมต่อกันเยอะๆ มันคือแนวรับอย่างหนึ่ง
- Bridge คือ แนวรับแนวต้านนั้นเอง
- การฝึกดู Bar Chart คือการฝึกดู Bridge ว่ามันแข็งแรงไหม >> ราคามันผ่านไปมากน้อยแค่ไหน
>> ราคามันยืนเหนือสะพานได้ไหม
- พยายามนึกถึง Lego
- ให้เราสร้างสะพาน เชื่อมต่อไปเรื่อย >> ถ้าราคาปัจจุบัน ยืนเหนือราคาก่อนหน้า
>> มีโอกาสที่จะไปต่อ

- ทุกอย่างที่เราเรียนมาเกี่ยวกับ Indicator >> จัดอยู่ในรูปแบบ Tactic ไม่ไช่ Strategy
- Tactic ต่างจาก Strategy
- TA จะถูกนำมาใช้ในการเทรด ย่อยแต่ ซึ่งจะทำให้เราเทรดดีขึ้น
- ถ้าไม่มี TA ก็ไม่มีตัวช่วยในการตัดสินใจ

- ศิลปะของ Trader คือ การเพิ่ม Position กับ ลด Position
- ไม่มีเทรดเด้อคนไหน เทรดคงที่ตลอด

-----------------------------------------------------------------------------------
สรุป
1. วาง War Zone
2. นำ เทคนิคมาใช้ในการ Confirm Zone [ใช้ Bridge]
3. ยิง Position
- Trade ขอให้อยู่ใน Zone ของเรา ถ้าไม่อยู่ เราหยุด
- ถ้าอยู่ เทรด >> สร้าง Zone ใหม่เรื่อยๆ
4. เก็บระยะ
- Trader ของเราจะดีกว่า Asia ได้ เราต้องเก็บระยะให้ได้ก่อน
-- Yes ลุยต่อได้
-- No หยุดเทรด
# ถ้าไม่ได้อยู่ใน 4 ระยะก่อน [แสดงว่าเรามุมมองผิด แย่อยู่] [Trader Asia ส่วนใหญ่ ไม่มีข้อนี้]
- คนผิดต้องยอมรับว่าผิด อยู่ในขั้นตอนนี้ก่อน
5. Trading Activity
- นำ TA จากไหนมาใช้แล้วแต่
* ปรับต้นทุนของเราลง
* ลด Size [คนส่วนใหญ่ได้ตังจะเพิ่ม] >> ถ้าเราผิดเราจะลงไปต่ำว่าเดิม >> และเริ่มไหม่
- เมื่อเราลด Size ลงมาเรื่อยๆ จะเกิดคำุถามว่า ลดลงแล้วจะได้กำไรได้ยังไง ?
-- ถ้าเราถูกเราจะเกิดระยะทาง >> ระยะทางแปลงเป็น Buffer >> นำมาเล่น Position ที่ใหญ่ขึ้น

-----------------------------------------------------------------------------------
Q : ปกติพี่ต้านดู BDI บ้างไหม ?
A : - ต้นทุนการเดินเรือแต่ละประเทศ (ส่งออก นำเข้า)
- เศรษฐกิจ ดีจริงไหม เราจะเห็นว่า Index  BDI จะสูง
- แต่ไม่ได้ดูเป็น นัยสำคัญหลัก นัยสำคัญหลัก คือ ปากท้องของคนในประเทศ
- เศรษฐกิจดี ปากท้องก็ต้องดี

Q : ความแตกต่างระหว่าง Bar chart กับ กราฟแท่งเทียน
A : - แท่งเทียน มาจากญี่ปุ่น (คนคิด คิดมาจากการเทรดสินค้า (แลกเปลี่ยน))
- ทำออกมาเป็น Patterm >> เป็นกราฟที่สือถึงอารมณ์
- แตกต่างกันแน่นอน
- ความรู้สึกในการเทรดต่างกันแน่นอน เราโดนกระตุ้นโดยอารมณ์ได้ง่าย
Ex สีสันกราฟแท่งเทียน >> สะท้อนถึงอารมณ์ ตลาด
- Bar chart อารมณ์จะไม่เปลี่ยน

Q : วิเคราะห์ถ่านหิน
A : น้ำมันไม่ขึ้นถ่านหินก็ไม่ไป
- คนใช้ถ่านหิน เพราะเป็นพลังงานทางเลือก
- ถ้าน้ำมันราคาสูง คนก็หันไปใช้ถ่านหิน (ถ่านหินต้นทุนต่ำ)
- ถ้าน้ำมันถูก คนหันไปใช้น้ำมัน
- แต่จะให้เปลี่ยนแปลงเป็น ถ่านหินทันทีก็ไม่ได้เพราะ เปลี่ยนแปลงใช้งบเยอะ

Q : จะสร้าง Zone จาก Bar chart ได้ยังไง ในเมื่อ bar chart จะสมบูรณ์ได้เป็นอดีตไปแล้ว
A : - มันคือสะพานที่เกิดขึ้นในอดีต
- ส่วนใหญ่ถ้าราคา ยืนเหนือ สะพานที่เกิดขึ้น มันคือ Position
- เราเข้าซื้อเพราะ รอให้ราคากลับไปยืนเหนือสะพานในอดีตได้ก่อน ไม่ใช้รอสะพานไปยืนรอในอนาคต

Q : หากใน Zone ไม่มีสะพานเลยไม่ต้องทำอะไรใช้ไหม
A : - ใช่
- บางที Trader รอ Confirm >> แต่ความจริง ต่อให้เรารอ Confirm >> มันก็ไม่ Confirm อนาคต
- บางทีอาจเป็นความเสี่ยง (เรารอสิ่งที่ไม่แน่นอน Confirm)
- มันแน่นอนจากสิ่งที่ไม่แน่นอน >> เราไปตัดสอนอนาคต
- พี่ต้าน Action จากสิ่งที่เห็นในปัจจุบันมากกว่า

Q : ถ้าราคาอยู่ใน Zone 2 ยิงรวบ Zone ไปถึง Zone 4 หรือเปล่า หรือยิงเฉพาะที่อยู่ใน Zone 2
A : - ยิงรวบได้ถ้ามีตัง

Q : Scalp พี่ต้าน Cut Loss ด้วยไหมครับ แบบนี้
A : - ถ้าอยู่ใน กลยุทธ ที่เราวาง [10 นัด] >> แล้วเราใช้ไม่ถึง 10 นัด
>> แล้วเราปรับตันทุน >> เราไม่มีความจำเป็นต้อง Cut loss
- แต่ถ้ามีนัดที่ 11 12 13 ขึ้นมา จำเป็นต้อง Cut เพราะเราวางไว้ 10 นัด
- SC หรือ Cut loss เกิดจากการที่เล่นนอกเหนือจากที่ เราวาง Zone ไว้
Ex หลุด Zone ล่าง แต่พี่ต้านอยากเล่น
- เงินต้น 3000 Cash Flow 200 ดังนั้น ฺBuffer เราจะมี 200
- ถ้าเล่น Zone ล่างแล้ว ขาดทุนเกินกว่า 200 เราอาจต้อง Cut แล้ว
- แต่ถ้า กระสูนเหลือมากกว่า ฺBuffer เราจะไม่ Cut

Q : ถ้าหลุด Zone ลงมา เราต้องหาเงินมาเล่น Zone ล่างต่อหรือไม่ แล้ว Zone คาไว้แบบนั้นใช้ไหม
A : - ใช้ ถ้ามันหลุด Zone เราจะเริ่มรู้ >> เพราะเรา Limit
- Trader ส่วนใหญ่ไม่ค่อยคิดเรื่อง Zone เราก็จะหาตังมาเติม
- ถ้าเราคิด Zone แล้ว ต่อให้เราไม่มีตังเติม >> พอร์ตก็ไม่ล้าง

Q : พี่ต้านเอากำไรจากการเก็บระยะมาเทรด SC เท่านั้นใช้ไหมครับ แล้วเสียไม่เกินกำไรไช้ไหม ?
A : - ไช่ แต่เสียจะ Stop loss เลย [ถ้าเกิดจะต้องทำแบบ เพิ่ม Position]
- เมื่อก่อนพี่ต้านมีหลาย พอร์ต เพราะว่า แบ่งกำไรไป SC

Q : EUR / USD ถ้าเศรษฐกิจโดยรวมของ EU เริ่มดี แต่ EU ยังมีเรื่อง QE ที่จะเริ่มทำในเดือนมีนา
เรื่องไหนมีน้ำหนักมากกว่ากัน
A : EU เป้าหมายหลักคือ
- EU ยังรวมกันได้อยู่ไหม ?
- เศรษฐกิจดี หรือไม่ ไม่สำคัญกับ EU
- ถ้า EU แตกก็แค่นั้น

Q : มือใหม่เล่นพวกที่มีสัญญาหมดอายุ ก็งง ดิครับ ถ้าอยู่ในช่วงเปลี่ยนสัญญา
A : - ใช่ครับ

Q : ถ้าแบ่ง Zone XNGUSD โซนล่างแบ่งได้ 1 โซน โซนบนแบ่งได้ 4 Zone สามารถนำ Zone ด้านบน
มาเล่น Zone ล่างหมดเลยไหม ?
A : ได้ครับ
- วาง War Zone ไว้ก่อน จากนั้นเทรด เราจะรู้ว่าเราจะเทรดตรงไหน
- พี่ต้านจะวาง เก็บระยะ เอาระยะไปเทรด

Q : การสร้าง Bridge จาก Bar chart เราจำกัดจำนวน Bar แค่ 2 - 3 แท่งไหม หรือว่ากี่ Bar ก็ได้
A : - Bar กี่แท่งก็ได้ สะพานเชื่อมๆ เยอะๆ ยิ้งดี ยิ่งแข็งแรง

-----------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเติม
- 0002 : MudleyGroup - ระบบทุนนิยม :
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/10/0000-etc.html
- 0004 : MudleyGroup - กลยุทธ์ และจุดอ่อน :
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/11/0004-mudleygroup.html
- 0006 : MudleyGroup - Hedge Fund Manager 001 :
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/11/0006-mudleygroup-hedge-fund-manager-001.html
- 0008 : MudleyGroup - Hedge Fund Manager 002 :
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0008-mudleygroup-hedge-fund-manager-002.html
- 0009 : MudleyGroup - Trader ยุคใหม่ และโอกาส
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0009-mudleygroup-trader.html
- 0010 : MudleyGroup - เฉลย ข้อสอบกลางภาค 2016
http://yutaro-diary.blogspot.com/2017/12/0010-mudleygroup-2016.html
- 0011 : MudleyGroup - Dark Side Begin
http://yutaro-diary.blogspot.com/2018/04/0011-mudleygroup-dark-side-begin.html
- 0012 : MudleyGroup - Energy Management [0]
https://yutaro-diary.blogspot.com/2018/05/0012-mudleygroup-energy-management-1.html
- 0013 : MudleyGroup - Live From Russia 1
http://yutaro-diary.blogspot.com/2018/05/0013-mudleygroup-live-from-russia-1.html
- 0014 : MudleyGroup - Energy Management [1]
http://yutaro-diary.blogspot.com/2018/05/0014-mudleygroup-energy-management-1.html
- 0015 : MudleyGroup - Energy Management [2]
http://yutaro-diary.blogspot.com/2018/05/0015-mudleygroup-energy-management-2.html
- 0016 : MudleyGroup - Energy Management [3]
http://yutaro-diary.blogspot.com/2018/05/0016-mudleygroup-energy-management-3.html

Mudley World : Close System : EP2

สรุปความรู้พี่ๆที่ได้ไป Mudley  ที่ เชียงใหม่
บทที่ 2 : Close system
Link1 : http://medium.com/@kinyod/mudley-class-week-2-closed-system-e8fea10f5947
Link 2 : http://medium.com/@m.pakawat23/
basic-trading-by-mudley-group-close-system-2-54aed3c0e6dd


--------------------------------------------------------------------------------

Close system
Ref : https://medium.com/@m.pakawat23/basic-trading-by-mudley-group-close-system-2-54aed3c0e6dd

Close system [ระบบเทรดที่วางเงินเต็ม ในZone ที่ Product ไม่เป็น 0]
วัตถุประสงค์
- Mudley มอง  Stop loss คือความเสี่ยงสูง
- คนที่เข้ามาในตลาดใหม่ ไม่เสี่ยงที่จะเสีย Productivity
>> คนส่วนเข้ามาจะ Take Risk [Leverage เกิน 1 : 5 เริ่ม Take Risk แล้ว]
- สามารถสร้าง Cash Flow ได้สม่ำเสมอ  สามารถนำ Cash flow ไปต่อยอดได้ [ซื้อ Asset อื่นได้]
- มอง Cash Flow เหมือนการซื้อธุรกิจหนึ่ง >> ถ้าคืนทุนภายใน 10 ปี = เราคืนทุน (True Alpha)
- เพิ่มทักษะ ประสบการณ์ [การอยู่รอดในตลาดเป็นเวลานาน ทำให้เราเก็บเกี่ยวประสบการณ์]
- ปรับต้นทุนจนได้ True Alpha [คืนเงินต้น ได้ Product ฟรี]
- ทำให้รู้ Flow และEnergy ของตลาดได้ สามารถนำไปต่อยอด Option เกี่ยวกับ Volatility ได้

------------------------------------------------------------------
วิธีการทำ Close system
1 หา Product ที่พื้นฐานดี  [Discount ,Premium]
-- Discoubt >> ราคาProduct ต่ำกว่าความเป็นจริง
-- Premium >> ราคา Product สูงกว่าความเป็นจริง

1.1 Product Cost หรือต้นทุนการผลิต
- พวกสินค้า โภคภัณฑ์ (Commodities) [ทองคำต้นทุนที่ 800$] ,[WTI 12]
- สินค้าที่ต่างกัน (อยู่คนละที่)มี Product cost ที่ต่างกัน [น้ำมันที่ ซาอุ กับ USA]
1.2 ราคา MA (Week) ฉีกออกไป 30% [อย่างต่ำ]
- จะมีแนวโน้มกลับมาหา MA >> สามารถพิจารณานำมาทำเป็น Close System ได้

 รูปแบบ Pattern ไม่ได้เห็นบ่อย นอกจากเกิด Event ใหญ่
Ref : https://medium.com/@kinyod/mudley-class-week-2-closed-system-e8fea10f5947
1.3 Gloval Macro
- เศรษฐกิจ มหภาค (การเชื่อมรวมสิ่งต่างๆ ของโลก)
- เป็นสกิวของเราเอง โดยมองภาพรวมของโลก
Ex ถ้าคิดว่าเงินเฟ้อ >> ทองจะเป็นโอกาส
- ถ้าเรายังไม่ชำนาญ เราสามารถลอกการบ้าน Hedge Fund ได้
>> พวก Hedge Fund ส่วนมาก Time Frame กว้างมาก
- ต้องประกอบด้วย Macro ที่เหมาะสม ,เวลาทีเหมาะสม [Vol สูง] ,จิตวิทยาที่เหมาะสม
- สัญญาณทางเทคนิคจะเปลี่ยนบ่อย แต่ Global macro จริงจะไม่เปลี่ยน
1.4 Technical
- Time Frame Week ขึ้นไป
- พี่ต้านใช้ TF month
- แนวรับ ,Bridge

2. การคำนวณเงิน และ LotSize
Ex XAUUSD ; 1,000 $
- 0.01 Lot = 1 Onz  : จะใช้เงิน 1000$ x 1 Onz =ใช้เงินวาง $1,000
- 0.10 Lot = 10 Onz  : จะใช้เงิน 1000$ x 10 Onz =ใช้เงินวาง  $10,000
- 1.00 Lot = 100 Onz  : จะใช้เงิน 1000$ x 100 Onz =ใช้เงินวาง  $100,000

หลังการคำนวณ ทำให้ทราบว่า
- Order 0.01 Lot ใช้เงิน 1000$
Ex - ราคาทอง 1,030$
- ราคาทอง 1,020$
- ราคาทอง 1,010$
- ราคาปัจจุบัน 1,000 $
กรณีเปิด Order Buy อย่างเดียว
- ถ้ามีเงิน 1000$ สามารถเปิด Order ได้เพียง 0.01 lot
-- กรณีเปิด Order Buy ที่ราคา 1000$ แล้วกราฟขึ้นไป 1010$ แล้วเราปิด Order
>> เราจะได้ Cashflow 10$
- ถ้ามีเงิน 2000$ เราจะสามารถเปิด Order [2 x 0.01 lot = 0.02 lot]
-- กรณีเปิด Order Buy ที่ราคาปัจจุบัน 1000$ 2 order เมื่อกราฟขึ้นไป 1010$ แล้วปิด Order
>> เราได้ Cash Flow 10$ >> และปิด Order 1020$ >> จะได้ Cash Flow 20$
-- ถ้ามีเงินมากกว่า 2000$ เราสามารถเปิด Order ได้เพิ่มขึ้น >> แล้วปิดที่ 1030$ ,1040$ เป็นต้น
กรณีเปิด Order Buy และ Order Sell
- กรณีเปิด Order Buy ที่ราคา 1000$ แล้วกราฟขึ้นไป 1010$ แล้วเราปิด Order
>> เราจะได้ Cashflow 10$ >> เมื่อกราฟไปถึง 1,010$ >> เราเปิด Order Sell
>> ปิด Order ที่ราคา 1,000$ >> จะได้ Cashflow 10$
# ต้องรอปิด Order ในตำแหน่งที่วาง Zone เท่านั้น
ตัวอย่าง
- Sell GBPJPY ที่ราคา 140.000 จำนวน 0.01 Lot = 1,000 Unit
-- หมายถึง การยืมเงิน Broker 1000 GBP เพื่อซื้อ JPY จำนวน 140,000 Yen

3.การวาง Zone
- วาง Zone เท่าๆกันในแต่ละ Zone
- ใช้ Bridge ATR หรือ Tachnical อื่นๆ [MA ,MACD]
- ซื้อตาม % ที่ลง เช่น
-- ลง 1% ซื้อ 1% >> ลง 2 % ซื้ออีก 1% >> ลง 3% ซื้ออีก 1%
- Volatility ของแต่ละ Product ในช่วงเวลานั้นๆ
- ทำ Noral Distribution [เอา Math มาหาค่า Mean ที่ราคากระจุกตัว]
- ใช้เงินกระจายแต่ละ Zone เท่าๆกัน

* Bridge - จุดจิตวิทยาที่ Trader รายใหญ่ Drive ราคา เพื่อให้ Trader รายย่อย ออกจากจุดนั้น
[กิน SL รายเล็ก] >> จะเห็นง่ายขึ้นหากเปลี่ยนเป็น Bar Chart
- เป็นจุดที่มีคน Action เยอะ >> เกิดแรงจูงใจการกิน SL >> ทำให้เกิดระยะ
- เราไม่สามารถคาดเดาต่อจากนั้นว่าจะไปทางไหน  >> จึงควรใช้ CS
- Bridge เมื่อเราชำนาญ สามารถต่อยอดไปเทรด Option ได้
- Bridge มีอยู่ 2 รูปแบบ
-- Bridge ธรรมดา (เริ่มซื้อขาย)
-- Bridge Slope - เริ่มมีเทรนเกิดขึ้น

------------------------------------------------------------------
KZM
- แบ่งเป็น 4 กอง [A , B , C , D]
-- แต่ละกองคำนวณเงิน แยกกันอย่างชัดเจน
- A : ฝึกวินัย >> แบ่งการเข้าออกตาม Zone ที่วางแผนไว้ชัดเจน
- B : ฝึก Day Trade >> [เป็นการเข้าออกภายในวัน ในกรณีที่มีกำไร]
- C : ฝึกเทคนิคคอล + วินัย [เข้าออกตาม Technical ของเรา]
- D : ฝึกเทรด เทคนิคคอล + Day Trade [เข้าตาม Technical จบภายในวัน]

- แต่ละกอง สามารถนำไปต่อยอดตามีที่ต้องการ ไม่ตายตัว !!
-- A , B เข้าพร้อม แต่ กองA ออกตาม Zone ,B ออกภายในวัน [ถ้ามีกำไร]
-- C , D จุดเข้าใช้ เทคนิคคอลที่เราต้องการฝึกได้
>> หรือ เข้าพร้อมกัน C[ออกตาม Zone] ,D [ออกภายในวัน]

ข้อแนะนำ
- Close system เป็นระบบเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เน้น Process base
- ควร Monitor ด้วยตนเองโดยตรงเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์
- ปรับการเข้าออก Order ใช้เฉียบ และคมมากขึ้น ,ตามความชำนาญ
- ทำ CS กับ Swap ที่เป็น + ด้วยถ้าเป็นไปได้
-- ถ้าทำ CS กับ Swap ที่เป็น - เราต้องทำ Cash Flow ให้ทันกับที่ติดลบ
- ไม่ควรทำ CS กับหุ้น เพราะมีโอกาสเป็น 0 ,และมีโอกาสเพิ่มทุน
-- อาจทำกับพวกดัชนี หรือน้ำมัน
- ระบบ จะมี DD ที่สูง [สวนเทรน] ต้องควบคุมความโลภของตนเองให้ได้
-- จุดนี้เราต้องอาศัย Mindset ของ Investor เพื่อทำให้ Mental เราดีขึ้น
- ควรลงทุนใน Product ที่มี Uncorrelated เพื่อให้ได้ Cash Flow สม่ำเสมอ
-- [เครื่องจักรตัวหนึ่งพัง >> ยังเหลืออีกตัว]
- กระจายความเสี่ยงไปหลายๆ โบรค [เพราะเราอยู่กับมันนาน]
- แม้เป็นระบบปิดความเสี่ยง แต่ต้องระวังเรื่อง Product และ โบรค เราควรกระจาย Asset ออกไป

- CS ใช้ Grid หา Energy ตลาด
- การทำ Zone เท่าๆกัน DD จะสูง ถ้าใช้ Bridge จะได้ผลมากกว่า
- อาจแบ่งเงินเป็น Zone เหมือนพีรามิด [เปิดมากกว่า 0.01 lot ใน Zone ล่างๆ]
Ex พีรามิด AUDCHF Grid 100 จุด 10 Order วื่ง 30 / 20 / 10 จุด
- CS จบที่พื้นฐานเปลี่ยน [หลุด Zone]
- พี่ต้านแนะนำ Broker OANDA

--------------------------------------------------------------------------------
Q : การนั่งสมาธิ ต้องนั่งนานขนาดไหน ?
A : - การนั่งสมาธิจะ เครียดในช่วงแรก (จิตฟุ้งซ่าน)
- คนที่ไม่สามารถนั่งสมาธิสามารถ ทำกิจกรรมอย่างอื่นได้ [ว่ายน้ำ วิ่ง]

--------------------------------------------------------------------------------
อ้างอิง
Link 1 : https://medium.com/@m.pakawat23
Link 2 : https://medium.com/@kinyod