ก้าวแรกสู่ Options โดยพี่ต้าน
สรุปความรู้ที่ได้จาก
Link : https://www.youtube.com/watch?v=luKdSaeDz6o
-----------------------------------------------------------------------------------
Options
- เปรียบเหมือน การซื้อประกัน
Call Options >> ประกันว่ามันจะขึ้น
Put Options >> ประกันมันจะลง
Sticke price >> ราคาที่ประกัน
Ex มีการ Call Options ที่ ราคา 980 >> เราต้องติดต่อคนขายประกัน >> คนขายประกันก็จะหาคนที่ขาย
>> ว่ามีคนขายราคาเท่าไหร่บ้าน (ไม่มีคนขายที่ราคา 980 พอดี) >> ค่าที่เพิ่มขึ้นมาเรียกว่า
"Premium" >> มองเป็น Point [จะเข้าใจมากขึ้น]
Ex - สมมุติว่า Call Options ที่ราคา 980 ค่า Premium 20 จุด >> ราคาต้องขึ้นมากกว่า 1000 จุด
>> ถึงจะได้กำไร
Ex - การที่เราซื้อ Call Options ที่ราคา Sticke Price 980 ไม่ได้หมายความว่า ที่ 980 เราจะได้กำไร
>> เราต้องไปเครมประกันที่มากกว่า 1000 จุดเป็นต้นไป
Time Value
- การซื้อประกัน ต้องมีเวลาในการรับประกัน
Ex กรมมะทันรถยนต์ มีเวลา 1 ปี
- แต่ Options ส่วนมากมีเวลา 3 เดือน อยู่ที่ถ้าหมดเราจะต่อใหม่หรือเปล่า ?
- การจะซื้อ Options แต่ละครั้งเราต้องคำนวณด้วยว่ามันจะไปถึงไหม ?
- การซื้อ Options คือการซื้อนาคต
- Optinos เปรียบเหมือนประกัน >> เวลามีประกัน จะไม่ค่อยเกิดหลอก
- คนซื้อ Option โอกาศได้ เครมจะน้อย
-- เราเป็นฝั่ง Buy >> เพราะฝั่งรับทำมักคิดไว้หมดแล้ว
-----------------------------------------------------------------------------------
ที่่มาของ Options
- การซื้อ Future แล้วตั้ง Stop Loss เปรียบเหมือนการซื่อ Options
- การโดน Stop out Options ก็เปรียบเหมือนการหมดอายุของ Stop loss Future
-- เวลาซื่อจะมีจุด ซื้อ และจุด Stop Loss
Ex ซื้อ Long ที่ 900 และ Stop Loss ที่ 850 = เรามี Buffer ในการ Stop loss 50 จุด >>
เขาคำนวณเวลามาแล้ว ว่า 50 จุดนี้ใช้เวลาเท่าไหร่ >> จึงเป็นที่มาของ Time Value
>> สมมุติโอกาสหมดโดน Stop loss ใช้เวลา 4 เดือน >> เขาจึงคิดให้เวลา Time Value เป็น 3 เดือน
-----------------------------------------------------------------------------------
Fund จะซื้อ Options เมื่อไหร่
1. เมื่อเราเริ่มมีกำไรในพอร์ตจากการลงทุนปกติ
-- ส่วนมากจะไม่ใช้ทุนในการ ซื้อ Option >> มันไม่ต่างจากที่เราไปเข้าบ่อน
-- เหมือนเราไปแทง แต่เราไปเสียค่า Premium
-- เล่นในระยายาว จิตใจเราจะแย่ลงเรื่อยๆ
2. ตลาดต้องมีความผันผวนสูง
-- เพราะถ้าผันผวนไม่สูง ซื้อไปก็โดน ประกันกิน (ราคาไม่ถึง)
--- ให้เราฝึกดู ATR
-- มอง ATR เหมือนหุ้น
-- ATR มีคุณสมบัติอย่างหนึ่งคือ มันมี Loop
** อยากเทรด Options ต้องเก่ง ATR ถ้าเราไม่เก่ง โอกาสโดนกินสูง
-- Options Trader ในเมกา เขาเทรด ATR ซื้อ ATR ขาย ATR
-- ATR เป็นตัวแทนของ Volatility >> จะปั้น ATR ต้องใช้เงินมหาศาล
-- แรงจูงใจในการปั้น ATR มีน้อยกว่าหุ้น >> ปั้นหุ้นได้เงิน ปั้น ATR ได้เงินน้อย
-- การใช้ Loop ATR
--- จุดที่ต่ำ แนวรับ เขาจะเริ่มซื้อ ต่อให้ลงก็ไม่เป็นไร เพราะเป็น Time Value
--- ถ้า ATR ขึ้นมีโอกาส Pay off สูง
-- ปัญหาของ ATR ข้อเสียคือ มันไม่บอกทิศทาง ไม่บอกขึ้นหรือลง
--- แต่มันบอก โอกาสมี Revers สูง (ราคาต่ำ โอกาสขึ้น , ราคาสูง โอกาสลง)
Trader Option คือ Trader ที่เล่นกับ โอกาส
* เราจะซื้อ Options ก็ต่อเมื่อมันมีการ Pay off สูงเท่านั้น
- ถ้าจะซื้อหากปัจจุบัน ราคา 1000 เราต้องมองมันไป 1500 >> ให้มันคุ้มที่เราจ่าย
- เพราะมันต้องคุ้มค่า Premium
- R : R = 1 : 1 เรามักตาย
-----------------------------------------------------------------------------------
Model ฝั่ง Sell size
- หนังสือเขียนฝั่ง Buy Size ดี เพราะต้องการให้มัน Match กัน
-- หนังสือที่ว่า ก็พวก TA ต่างๆนานา
-- เรามักเชื่อ หนังสือมากกว่า ผู้เล่นรายใหญ่ เพราะมัน Make Sense กว่า
- ก่อนทำ Sell size เราต้อง
-- เราต้องมีหุ้นฟรี
--- จากระบบ ปิด KZM (ที่ลงทุนใน ETF เพราะว่า มูลค่าไม่เป็น 0)
* หุ้นไม่สามารถ Predict ราคาได้ แต่เงินเราสามารถ Predict ได้
-----------------------------------------------------------------------------------
TA
- Stop Loss คือจุดที่กะรัตตรี Volume
- จุดที่การันตรี มันเป็นจุด แนวรับแนวต้าน
Ex หากมีคนต้องการของ เขาก็จะมองจุดนี้เป็นจุดเก็บของ >> ราคามักลงไป Stop Loss แล้วเด้งขึ้น
- ใครตั้งจุด ต่ำสุด สูงสุด ส่วนมากจากโดนแน่นอน
Ex มีคนต้องการ 1000 ชิ้น แต่บริษัทมีอยู่ 300 เขาจะเท 300 ทั้งหมด เพื่อเก็บ 1000 มักเกิดช่วงหลับ
>> ส่วนมาก 300 ที่เท เขาไม่ค่อยเครียด เพราะมันเป็น หุ้นที่ ฟรี แล้ว เอารายได้ทางอื่นมาซื้อ ไม่มีต้นทุน
- ข้อจำกัดของ TA คือ linner >> มันไม่สามารถ Predict เหตุการณ์ได้
-- มันสามารถเป็นสมการได้ >> linner เป็น Logic มีความน่าเชื่อถือ >> Makesence
-- มันคือ ระบบตัวหนึ่งเท่านั้น Control ได้
-- มันสามารถคาดการณ์ได้ช่วงหนึ่ง แต่ไม่ทั้งหมด
* เราต้องรู้ข้อจำกัดของมันก่อน
- แต่ตลากหุ้นเป็น Non-linner >> ไม่สามารถทำเป็นสมการได้
- TA ตอบสนองสิ่งที่ไม่รู้ (อนาคต)
- คนเราอยากรู้อนาคต >> TA เลยสามารถขายได้เรื่อยๆ
- TA เอาไว้สามารถดูได้ว่า คนคิดยังไง
- ในรายใหญ่เขาเอาไว้สร้าง Value
- TA ใช้ได้ แต่เราต้องรู้จักใช้
- เพราะยังมีคนที่มี Effect ในตลาด
- การดู TA เราต้องดูต้นเหตุที่เกิด
- จังหวะที่เหมาะสุดในการซื้อ Options คือช่วงที่ TA ใช้ได้ดี
- ถ้าราคาวิ่งตาม TA มันจะอยู่ไม่ได้นาน
- ส่วนมากถ้าอยู่ในจังหวะนี้ สถาบันจะเริ่มถอย เริ่มตั้งรับ
-----------------------------------------------------------------------------------
วิธีปั้นหุ้น
Ex บริษัท A มีหุ้น 100,000 หุ้น ถือ Major share 500,000 หุ้น อยู่ในตลาด 500,000 หุ้น
ราคาในตลาด 5 บาท MK = 5,000,000
- เขาสามารถซื้อหุ้น 250,000 เพื่อปั้นราคาได้ (เขาเก็บช่วง 5 - 10) และไปปล่อยที่ 10 บ.
- เขาสามารถได้ TA ในการสร้างกราฟได้
- บางทีเขาได้ นอมินีมาเปิด พอร์ต
- อย่าไปดู Bid Offer มาก เพราะบางทีกด Cancel มันก็ถอนออกหละ
* การใช้ TA เราต้องดู Volume ด้วยว่าเขาสามารถปล่อยของได้ไหม
- ถ้า Volume น้อย เขาไม่สามารถปล่อยได้
-----------------------------------------------------------------------------------
พื้นฐานก่อนจะทำการซื้อ Future , Options
C - P = F
C = Call Options , P = Put Options , F = Future
- ก่อนใช้สมการเราต้องเข้าในก่อนว่าเราอยากทำอะไร กับตลาด (เราอยาก ซื้อ หรือเราอยากขาย)
Ex ถ้าเราอยากซื้อ Future >> ที่ 1000 จุด >> เราต้องไปกู Call , Put Options Sticke Price 1000 จุด
-- Sticke Price = 1000 ,Call Options = 20 , Put Options = 25 >>> 1000 + 20 - 25 = 995
-- ปกติ C - P = F แต่หลังจากลบกัน แล้ว จะ 995 = 1000
-- ถ้าเราอยาก ซื้อ 1000 Future อยู่ แล้ว >> แต่ถ้าเรา ซื้อ Call ขาย Put จะได้ 995 ซื่งถูกกว่า 5 จุด
ถ้าอยากซื้อ Call Options
C = F + P
-- ตลาดบ้านเราชอบมี Discount แบบ บ้าๆ >> บางที่ Future Discount แบบบ้าๆ F ต่ำ + P แล้ว
>> อาจได้ราคาถูกกว่า C
Ex เราอยากซื้อ F ที่ 1000 แต่ มัน Discount ที่ 990 >> 20 = (990 - 1000) + 25 >> 20 = 15
หมายความว่า ถ้าเราซื้อ Future ซื้อ Put เราจะได้ :: Call Options ที่ถูกกว่าตรงนั้น
** แต่เราอยากต้องอยากได้ Call Options
- ตลาดไทยไม่มีเสน่ห์อย่างหนึ่ง คือไม่มีสภาพคล่อง >> ตลาดบ้านเราไร้เหตุผลบ่อย
- สมการนี้ได้ประโยชน์มากตอนตลาด Panic
-----------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเติม
-
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น