- เมื่อเลือกหุ้นที่จะลงทุนในแบบ DSM แล้ว >> ถึงเวลาเข้าซื้อหุ้น
กฎของการลงทุนหุ้น DSM
- ซื้อให้ถูกกว่าขาย
- เวลาไม่จำกัดในการซื้อคืน (ตลาดชีวิต)
- ตอนเริ่ม >> ถ้าสามารถซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำ >> หุ้นขึ้น >> มีกำลังใจในการลงทุนรูปแบบ DSM มาก >>
แล้วจะทำอย่างไร >> วิธีง่ายๆ
- หุ้นขึ้นกอดหุ้นวิ่ง
- หุ้นลงลงทุนด้วยวิธี DSM
- การซื้อในราคาต่ำเหมาะสม >> ไม่จำเป็นต้องซื้อในราคาต่ำที่สุด
จะรู้ได้อย่างไรเวลาไหนควรซื้อ
- ประสบการณ์ >> จะเป็นตัวบอกเองว่าให้ซื้อตอนไหน
-- ไม่มีกฎตายตัว (ถ้ามีทุกคนรวยกันหมดแล้ว)
- เราไม่สามารถหาจุดซื้อที่ประกันได้แน่นอน (ว่าหุ้นจะขึ้น หรือลง)
- หาขจุดซื้อในหุ้นที่มีการขยับขึ้น (เขียวเริ่มอ่อน และราคาถูก)
- อาจฝืนความรู้สึกของคนบางคน
- ถ้าเคยซื้อที่ราคาถูก แล้วราคาลงมาอีก จะเข้าใจ
- ทุกสิ่งทุกอย่าง สำคัญที่จุดเริ่มต้น (สำคัญที่ก้าวแรก (ก้าวเดินด้วยความมุ่งมั่น))
- นักลงทุนสามารถสร้าง Model Trade ของแต่ละคนได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป
- ตอนแรกอาจมีล้ม แต่เราก็พยายามลุกขึ้นอีก จนสามารถวิ่งได้โดยอัตโนมัติ
DSM [8] - กลยุทธ์เมื่อหุ้นลง
- ลงทุนในหุ้นแล้ว (เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่า หุ้นขึ้น หรือลง)
- ดังนั้นจึงควรมีกลยุทธ์ไว้เตรียมรับมือ
Ex สมมุติ ซื้อหุ้นที่ราคา 10.00 บ. จำนวน 10,000 หุ้น
-- ราคาที่จะขายคือ ราคาBid ส่วนราคาที่จะซื่อคือ ราคาOffer
-- วิธีการคือ ถ้าราคาที่ื้ซื้อต่ำกว่า 2 ช่อง ให้ขาย10% >>
ขายครั้งแรกต้อง 2 ช่อง เพราะหุ้นลงจริง ไม่ได้ลงหลอกๆ จะได้ไม่เสียหุ้นง่ายเกินไป >>และอย่ากลัวการขายเมื่อหุ้นลง(แดง) >> อย่ากลัวว่าซื้อหุ้นคือไม่ได้ >>
ไม่สามารถซื้อหุ้นคืนได้ตลอดเวลาที่ต้องการ >> เดินตามแผนการลงทุนที่ทำไว้
- ถ้าราคาลงมาแบบนี้
-- ราคาลงมา 2 ช่องแล้ว ขายเลยดีไหม (อย่าใจร้อน รอดูอีกนิด)
-- ก่อนจะขายหุ้น (กรณีนี้ขาย 1,000 หุ้น (10%)) >> พิจารณา Vol. Bid ว่ามีมากแค่ไหน >>ดูด้วยว่ามีคนขายที่ 9.90 หรือยัง
-- อย่าขายเป็นคนแรกเพราะจะถูก กลต. เพ่งเล็งว่า (มีเจตนาทุบราคา)
- ถ้าสักพักราคาเป็นแบบนี้
-- จับตาดู ถ้าเห็นว่ามีการขายครั้งละ หมื่นๆหุ้น ให้รีบขาย
-- ตรงนี้มือใหม่ทำได้ยาก (อย่าลังเลที่จะขาย) >> ถ้าขายที่ราคา 9.90 ไม่ทัน เท่ากับเราขาดทุนไป0.05 บาทต่อหุ้น จากความลังเล
Ex ซื้อมะนาวลูกละ 5 บาท (ควรขายที่ราคา 4 บาท/ลูก ไม่ใช้ราคา 3 บาท/ลูก)
-- สามารถลดลดความลังเล และความกลัวได้ >> เมื่อเราเห้นราคา Bid ต่ำกว่า ก็สามารถขายได้เลย
-- หลังจบการขาย ให้กำหนดจุดซื้อคืนไว้ที่ 3 ช่องจากราคาขาย (9.75 บาท) ราคานี้ให้ซื้อทันที
- ถ้าสักพักราคาเป็นแบบนี้
วิธี DSM คือรอ ไม่ต้องทำอะไร (ราคายังไม่ลงจากจุดเดิมที่ขายไป)
- แต่ถ้าเห็นว่ายังคงมีแรงขายต่อเนื่อง ให้ขายที่ 9.85(5%) และขายที่ 9.80(5%) รวมเป็น 10%
- คำถาม ใช้กองหลัง 20% ในเวลาปกติ
-- ขายทุก 2 ช่อง และรับซื่อคืนทุก 3 ช่องราคา
-- ถ้าเป็นขาลงในขาลงจริงต้องขายให้เร็ว
-- ขายให้มากที่สุด (อาจมากถึง 10% ,20% ,25% ,50% ,100%) ในไม้เดียวก็ได้
* ห้ามเดาตลาดเด็จขาด
- จากข้อความข้างต้นจะเห็นว่า (ขายทุก 2 ช่อง >> รับซื้อคืน 3 ช่อง) >>
สามารถขยายช่องเหล่านี้ได้ เ
EX ขายทุก 2 ช่อง >> รับซื้อคืน 3 ช่อง เปลี่ยนเป็น ขาย 3 ช่อง ซื้อคืน 5 ช่อง
- ถ้าขายไม่ทันตามช่องที่กำหนด >> ให้ขายในราคาที่เห็น (อาจลงมา 4 - 5 ช่องก็ตาม)
- ถ้าผิดแผนที่ไม่สามารถรับหุ้นกลับมาได้ตามแผน (3 ช่อง) >> สามารถเปลี่ยนเป็นการกำหนด
ว่าจะรับกลับกี่ % >> ตั้งกฎว่าจะรับกลับ 3% ,5% ,7% ก็เป็นได้
- มีคำกล่าวไว้ว่า "หุ้นขึ้นกล้าซื้อ หุ้นลงกล้าขาย"
DSM [9] - DSM วัวเนื้อ หรือวัวนม
เปรียบเทียบแนวคิด DSM ระหว่าง การขุนวัวเนื้อ และการรีดนมวัว
- DSM ไม่ได้ทำให้รวยทันที >> กระบวนการทำให้มีอิสรภาพการเงินในเวลาที่กำหนด
- ระะหว่างทางเดิน มึสุขภาพจิต และสุขภาพที่ดี
- เปรียบเสมือน มีความสุขทางกาย และใจ
- การซื้อขายหุ้นแบบเกร็งกำไร เปรียบเหมือน ขุนวัวเนื้อให้อ้วนแล้วไปชำแหละ
- การเก็บหุ้นปันผล เปรียบเหมือน การเลี้ยงวัวนมเพื่อรีดนมวัว
- แต่ถ้าเห็นว่ายังคงมีแรงขายต่อเนื่อง ให้ขายที่ 9.85(5%) และขายที่ 9.80(5%) รวมเป็น 10%
- คำถาม ใช้กองหลัง 20% ในเวลาปกติ
-- ขายทุก 2 ช่อง และรับซื่อคืนทุก 3 ช่องราคา
-- ถ้าเป็นขาลงในขาลงจริงต้องขายให้เร็ว
-- ขายให้มากที่สุด (อาจมากถึง 10% ,20% ,25% ,50% ,100%) ในไม้เดียวก็ได้
* ห้ามเดาตลาดเด็จขาด
- จากข้อความข้างต้นจะเห็นว่า (ขายทุก 2 ช่อง >> รับซื้อคืน 3 ช่อง) >>
สามารถขยายช่องเหล่านี้ได้ เ
EX ขายทุก 2 ช่อง >> รับซื้อคืน 3 ช่อง เปลี่ยนเป็น ขาย 3 ช่อง ซื้อคืน 5 ช่อง
- ถ้าขายไม่ทันตามช่องที่กำหนด >> ให้ขายในราคาที่เห็น (อาจลงมา 4 - 5 ช่องก็ตาม)
- ถ้าผิดแผนที่ไม่สามารถรับหุ้นกลับมาได้ตามแผน (3 ช่อง) >> สามารถเปลี่ยนเป็นการกำหนด
ว่าจะรับกลับกี่ % >> ตั้งกฎว่าจะรับกลับ 3% ,5% ,7% ก็เป็นได้
- มีคำกล่าวไว้ว่า "หุ้นขึ้นกล้าซื้อ หุ้นลงกล้าขาย"
DSM [9] - DSM วัวเนื้อ หรือวัวนม
เปรียบเทียบแนวคิด DSM ระหว่าง การขุนวัวเนื้อ และการรีดนมวัว
- DSM ไม่ได้ทำให้รวยทันที >> กระบวนการทำให้มีอิสรภาพการเงินในเวลาที่กำหนด
- ระะหว่างทางเดิน มึสุขภาพจิต และสุขภาพที่ดี
- เปรียบเสมือน มีความสุขทางกาย และใจ
- การซื้อขายหุ้นแบบเกร็งกำไร เปรียบเหมือน ขุนวัวเนื้อให้อ้วนแล้วไปชำแหละ
- การเก็บหุ้นปันผล เปรียบเหมือน การเลี้ยงวัวนมเพื่อรีดนมวัว
- การขายวัวเนื้อ >> ได้เงินมากมาย (ครั้งเดียว)
-- ถ้าขุนวัวเนื้อ >> โชคร้ายวัวติดโรค >> วัวไม่กินอาหาร(ผอม ขายไม่ได้) >> ผู้เลี้ยงลำบากใจ >>
หมายถึงขาดทุน >> ถ้าวัวมีปัญหา โรคเริ่มติดคนเลี้ยง >> คนเลี้ยงจะทยอยขายวัวออกไป จนหมด >>
-- ถ้าขุนวัวเนื้อ >> โชคร้ายวัวติดโรค >> วัวไม่กินอาหาร(ผอม ขายไม่ได้) >> ผู้เลี้ยงลำบากใจ >>
หมายถึงขาดทุน >> ถ้าวัวมีปัญหา โรคเริ่มติดคนเลี้ยง >> คนเลี้ยงจะทยอยขายวัวออกไป จนหมด >>
รอวันที่หายจากโรคติดต่อหาย >> กลับมาเลี้ยงวัวเนื้อเหมือนเดิม
- การรีดนมวัว >> ได้เงินน้อย (แต่สม่ำเสมอ) + ได้ลูกวัวเป็นของแถม >> ถ้าลูกวัวตัวสามารถรีดนมได้เพิ่ม
>> ถ้าเป็นวัวตัวผู้พันธุ์ สามารถเก็บไว้ทำพันธุ์ หรือขายก็ได้
-- การรีดนมวัวทุกวัน เปรียมเหมือน กระแสเงินสด
-- การเลี้ยงวัวนมและได้ลูกวัว เปรียบเหมือน การได้หุ้นฟรีจากกระแสเงินสดแฝงที่สะสม
-- การลงทุนกับหุ้น DSM และยังคงแนวคิดเป้าหมายในการเป็นเจ้าของวัวนม >>
แม้ระหว่างทางจะขายวัวตัวผู้บ้าง >> เงินที่ได้ก็นำกลับมาซื้อแม่วัวนม
- ข้อดีของระบบ DSM คือ
-- มีกระบวนการป้องกันไม่ให้ใครมา ยุ่งเกี่ยวกับหุ้นของเรา
-- ช่วยให้สนชื่นเบิกบานกับหุ้นได้ทุกวัน (ความสุขที่แท้จริง)
-- อย่าลืมเมื่อมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว มีเป้าหมายอะไรต่อไป
-- เป้าหมายที่แน่ชัด ช่วยให้เรามีวินัย และเดินต่อไปถึงจุดหมาย
-- "ซื่อสัตย์ต่อตนเองในอนาคน" ไม่ควรซื่อสัตว์ต่อตนในอดีต
DSM [10] - Warren Buffett ลงทุนวิธี DSM ด้วยหรือไม่ ?
- "My favoriyte time frame for holding a stock is forever" >> "เวลาที่ผมชอบที่สุดคือ
เวลาที่ผมถือหุ้นไว้ตลอดเวลา" >> ประโบคนี้คือ หัวใจที่ทำให้ Warren Bufett ทำการไรจากตลาดได้มาก
- Warren Bufett ลงทุนในแนวคนรีดนมวัว (เลือกหุ้นที่มีอนาค)
- เป็นแนวคิด เช่นเดียวกับ DSM (ถึงแม้วิธีการแตกต่างกัน แต่จุดมุ่งหมายเดียวกัน)
- ส่วนวิธีการของใครจะประสบความสำเร็จมากกว่ากัน ต้องใช้เวลาพิสูจน์
- ดั่งคำกล่าว "การเวลาพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน"
- วีธีการลงทุนแบบ DSM ทำให้มีคำกล่าวโดยเฉพาะว่า
"My favoriyte time frame for trading on DSM is forever"
การจะใช้วิธีลงทุนแบบ DSM ให้สำเร็จ
- การรีดนมวัว >> ได้เงินน้อย (แต่สม่ำเสมอ) + ได้ลูกวัวเป็นของแถม >> ถ้าลูกวัวตัวสามารถรีดนมได้เพิ่ม
>> ถ้าเป็นวัวตัวผู้พันธุ์ สามารถเก็บไว้ทำพันธุ์ หรือขายก็ได้
-- การรีดนมวัวทุกวัน เปรียมเหมือน กระแสเงินสด
-- การเลี้ยงวัวนมและได้ลูกวัว เปรียบเหมือน การได้หุ้นฟรีจากกระแสเงินสดแฝงที่สะสม
-- การลงทุนกับหุ้น DSM และยังคงแนวคิดเป้าหมายในการเป็นเจ้าของวัวนม >>
แม้ระหว่างทางจะขายวัวตัวผู้บ้าง >> เงินที่ได้ก็นำกลับมาซื้อแม่วัวนม
- ข้อดีของระบบ DSM คือ
-- มีกระบวนการป้องกันไม่ให้ใครมา ยุ่งเกี่ยวกับหุ้นของเรา
-- ช่วยให้สนชื่นเบิกบานกับหุ้นได้ทุกวัน (ความสุขที่แท้จริง)
-- อย่าลืมเมื่อมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว มีเป้าหมายอะไรต่อไป
-- เป้าหมายที่แน่ชัด ช่วยให้เรามีวินัย และเดินต่อไปถึงจุดหมาย
-- "ซื่อสัตย์ต่อตนเองในอนาคน" ไม่ควรซื่อสัตว์ต่อตนในอดีต
DSM [10] - Warren Buffett ลงทุนวิธี DSM ด้วยหรือไม่ ?
- "My favoriyte time frame for holding a stock is forever" >> "เวลาที่ผมชอบที่สุดคือ
เวลาที่ผมถือหุ้นไว้ตลอดเวลา" >> ประโบคนี้คือ หัวใจที่ทำให้ Warren Bufett ทำการไรจากตลาดได้มาก
- Warren Bufett ลงทุนในแนวคนรีดนมวัว (เลือกหุ้นที่มีอนาค)
- เป็นแนวคิด เช่นเดียวกับ DSM (ถึงแม้วิธีการแตกต่างกัน แต่จุดมุ่งหมายเดียวกัน)
- ส่วนวิธีการของใครจะประสบความสำเร็จมากกว่ากัน ต้องใช้เวลาพิสูจน์
- ดั่งคำกล่าว "การเวลาพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน"
- วีธีการลงทุนแบบ DSM ทำให้มีคำกล่าวโดยเฉพาะว่า
"My favoriyte time frame for trading on DSM is forever"
การจะใช้วิธีลงทุนแบบ DSM ให้สำเร็จ
- ต้องลืมเรื่องเวลา ,ลืมเรื่องกำไรขาดทุน
-- นักลงทุนที่ติดดอยอยู่ >> ลองถามตัวเอง >> กังวลใจเพราะอะไร >> เพราะราคาหรือเวลา
- ถ้าตั้งใจลงทุนแบบ DSM ห้ามเลิกกลางคันเป็นอันขาด >> เพราะต้องลงทุนตลอดชีวิต >>
ต้องเลือกหุ้นที่อยู่กับเราไปจนวันตาย >> เหมือน Warren Bufett เลือกหุ้นที่อยู่กับตนเองตลอดชีวิต
-- นักลงทุนที่ติดดอยอยู่ >> ลองถามตัวเอง >> กังวลใจเพราะอะไร >> เพราะราคาหรือเวลา
- ถ้าตั้งใจลงทุนแบบ DSM ห้ามเลิกกลางคันเป็นอันขาด >> เพราะต้องลงทุนตลอดชีวิต >>
ต้องเลือกหุ้นที่อยู่กับเราไปจนวันตาย >> เหมือน Warren Bufett เลือกหุ้นที่อยู่กับตนเองตลอดชีวิต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น